วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ผิดที่สุดคือไม่รู้ว่าผิด


"We didn't do anything wrong, but somehow, we lost..."

"เราไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เราก็ยังพ่ายแพ้"

ประโยคอมตะของ CEO ของ Nokia ในวันที่แถลงข่าวขายกิจการโทรศัพท์มือถือให้ Microsoft เมื่อปี 2013

ผม กลับคิดไม่เหมือนกับเจ้าของประโยคนี้ เพราะในความเห็นของผมแล้วสิ่งที่ Nokia ทำผิดพลาดที่สุดก็คือการที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดมาตลอด

ตั้งแต่ ปี 2007 ที่พวกเขาเป็นอันดับ 1 ในตลาดโทรศัพท์มือถือ พวกเขาทำผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า พวกเขายึดติดกับการเป็นเบอร์หนึ่งจากการขาย Handset โดยมองไม่เห็นความสำคัญของ App base market อย่างที่ Apple และ Google มองเห็น

พวกเขามองข้ามความสำคัญของ Touch screen ซึ่งเป็น function ที่สำคัญมากสำหรับ Smart phone ด้วยเหตุผลที่ว่าฝ่ายพัฒนาของ Nokia คิดว่าผู้บริโภคจะไม่ชอบมัน

พวกเขาพยายามพัฒนา Symbian ที่พยายามทำทุกอย่างเอง แทนที่จะเปิดโอกาสให้นักพัฒนาโปรแกรมทั่วโลกช่วยกันพัฒนาอย่าง app store หรือ android market

พอรู้ตัวว่า OS ของตัวเองไปไม่รอดก็วิ่งไม่ขอร่วมกับ Android ในวันที่ตัวเองแทบไม่เหลือศักดิ์ศรีของยักษ์ใหญ่แล้ว แต่ก็ไม่รู้ตัว พอไม่ได้ดีลที่ตัวเองพอใจก็ปฎิเสธ Android ไปจับมือกับ Window moblie ซึ่งก็พิสูจน์แล้วว่าสู้ ios กับ android ไม่ได้

พวกเขาไม่เคยมอง เห็นคู่แข่งที่มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่ามากจากจีนและอินเดียซึ่งค่อยๆมา แย่ง Market share มือถือในตลาดล่างไปทีละน้อยๆ

ที่ตลกร้ายก็คือผู้ บริหารของ Nokia ไม่เคยสำนึกว่าตัวเองทำอะไรผิดไป ยังคิดว่าตัวเองเป็นยักษ์ใหญ่ที่ทุกคนต้องคอยเอาใจเหมือนในอดีต ราคาหุ้น Nokia ร่วงติดดิน แต่ CEO ก็ยังออกสื่อบอกว่าบริษัทตัวเองไม่ได้มีปัญหาอะไรนักหนาได้หน้าตาเฉย กระทั่งจนนาทีสุดท้ายที่ถูกซื้อกิจการไปพวกเขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำอะไรผิด

Stephen Elop CEO ของ Nokia ในช่วงปี 2010-2013 ได้รับการจัดอันดับจากหนังสือ “Operation Elop” เขียนโดยคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ Kauppalehti ใน Finland ให้เป็น "one of the world's worst CEO" จากผลงานการนำพาบริษัทมือถืออันดับ 1 ของโลก ซึ่งจ่ายภาษีให้รัฐบาล Finland ในสัดส่วน 25% สู่ความตกต่ำอย่างรวดเร็วในเวลาแค่ 2 ปี

ในยุคของ Elop รายได้ของ Nokia ลดลง 40% กำไรลดลง 92% ราคาหุ้น Nokia ลดลงจาก EUR 7.12 ในวันที่รับตำแหน่งลงไปเหลือ 1.44 ในสองปีให้หลัง จนกระทั่ง Microsoft มา Takeover ธุรกิจโทรศัพท์มือถือไปนั่นแหละ ราคาหุ้นถึงค่อยๆฟื้นขึ้นมาอยู่ที 7 เหรียญในปัจจุบัน

แต่ที่น่าเจ็บใจที่สุดสำหรับผู้ถือหุ้นของ Nokia คือ ในขณะที่พวกเขานั่งอมทุกข์ทนเห็นราคาหุ้นเตี้ยๆลง ตัว CEO เองกลับมี Compensation ที่สูงถึงปีละ 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐ และถ้าจะไล่เขาออกบริษัทต้องจ่ายชดเชยให้เขาสูงถึง 28 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเขาก็ได้รับเงินจำนวนนี้ทั้งหมดในวันที่ Microsoft ซื้อกิจการไป หลังจากโดนซื้อกิจการไปแล้วตัว Elop เองยังได้รับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงใน Microsoft อีกต่างหาก จนกระทั่งมาโดย Lay off ในเดือนกรกฎาคมปี 2015 นี้เอง

บทเรียนของ Nokia คงจะพอให้อะไรกับเราบ้างว่าธุรกิจไม่มีอะไรยั่งยืน ถ้าไม่โตก็ตาย ตามไม่ทันเพื่อนก็ตาย แข่งขันไม่ได้ก็ตาย ไม่ว่าจะเคยยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ไม่มีผล

...ใดใดในโลก ล้วนอนิจจัง...

ที่มา:
http://www.theguardian.com/technology/2014/oct/08/nokia-stephen-elop-operation-new-book

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น