ปี 2015 ที่ผ่านไปได้ให้อะไรกับผมมากมาย การทบทวนการลงทุนของตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้เราเรียนรู้ข้อผิดพลาด
แก้ไขมัน และก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่งคง ผมอยากจะแบ่งบันบทเรียนการลงทุนของตัวเองไว้เพื่อเตือนตัวเอง
และเป็นวิทยาทานสำหรับผู้ที่สนใจ เผื่อว่าเขาเหล่านั้นจะไม่ได้ทำผิดซ้ำรอยผมอีก
พอร์ตการลงทุนแม้โดยรวมจะไม่ขาดทุน และได้ผลตอบแทนชนะตลาดหุ้นไทยมากพอสมควร แต่ก็ห่างจากเป้าหมายที่วางไว้ ทั้งๆที่ช่วงครึ่งปีแรกได้กำไรทะลุเป้าไปหลายเท่าตัว สาเหตุหลักก็คงจะเป็นเรื่องความชะล่าใจ การได้กำไรจำนวนมากๆในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้เราประเมินตัวเองสูงเกินไป และประเมินความผันผวนของตลาดต่ำจนเกินไปมาก ลืมนึกไปว่าหุ้นมันขึ้นได้เร็วมันก็ลงได้เร็ว และความจริงมันก็ลงได้เร็วกว่ามาก กำไรที่เคยได้จึงคืนกลับไปอย่างรวดเร็วจนถึงขึ้นขาดทุนอย่างหนักในเวลาแค่สองเดือน แต่ก็ยังดีที่ยังมีมีวินัยในการ Cut loss หลงเหลืออยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นผลขาดทุนในสองเดือนคงจะทำให้ผมกลับมาเอาทุนคืนไม่ได้อีกในช่วงไตรมาสสุดท้าย อันที่จริงอาจถึงขั้นกลับมาไม่ได้อีกเลยก็เป็นได้
ในปีนี้สิ่งที่ทำได้ถูกต้องที่สุดคือการย้ายเงินลงทุนไปลงทุนในต่างประเทศตั้งแต่ปีที่แล้ว
ทำให้การร่วงลง 14% ของตลาดหุ้นไทยส่งกระทบกับผมไม่มากนัก
และยังได้ผลตอบแทนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอีกด้วย ผมเชื่อว่าประเทศไทยกำลังสูญเสียความได้เปรียบเชิงแข่งขันไปอย่างถาวร
ธุรกิจในตลาดหุ้นไทยมีน้อยบริษัทที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก
อย่าว่าแต่ออกไปนอกบ้านเลย แค่ในอนาคตจะรักษาส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งที่จะเข้ามาแข่งขัน
หรือปรับตัวรับมือการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีก็ยากแล้ว
อาจเพราะเราไม่เคยให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเองอย่างจริงจังเลย
ส่วนมาอาศัยการลอกโมเดลธุรกิจของต่างประเทศ หรือหา Foreign Partner
บ้าง สิ่งเหล่านี้ทำให้เราไม่สามารถแข่งขันในระดับโลกได้ในระยะยาว
ผมคิดว่ามุมมองของผมในเรื่องการแข่งขันของไทยนี้ก็คงยังไม่เปลี่ยนไปในอนาคตอันใกล้แน่ๆ
การลงทุนในต่างประเทศทำให้เรามีโอกาสในการลงทุนมากขึ้น
เพราะบางธุรกิจก็ไม่มีอยู่ในเมืองไทยและไม่อาจที่จะมีได้ แต่การลงทุนข้ามประเทศความจริงแล้วก็ไม่ง่ายนัก
เราต้องเริ่มเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ทั้งหมด ความแตกต่างด้านภาษา เศรษฐกิจ สังคม
การเมือง วัฒนธรรม ค่าเงิน ทำให้การลงทุนในลักษณะ
Bottom up ที่ศึกษาหุ้นเจาะลึกแบบรายตัวจึงมีความยากลำบากมาก
บางทีก็ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน ผมจึงเริ่มต้นจากวิเคราะห์แนวโน้มหลักของโลกที่คาดว่าจะในอนาคต
แล้วค่อยหาอุตสาหกรรมได้ประโยชน์จากแนวโน้มที่ว่า แล้วค่อยไปดูว่าหุ้นไหนที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมนั้นไม่ว่ามันจะไปอยู่ในประเทศไหน
ผมคิดว่าปัจจุบันโลกความเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น
การทำธุรกิจข้ามประเทศกลายเป็นเรื่องปกติ การวิเคราะห์หุ้นโดยเริ่มต้นจากวิเคราะห์เศรษฐกิจของประเทศก่อนอาจไม่สอดคล้องกับโลกในปัจจุบันมากนัก
สองปีที่ผ่านมาการวิเคราะห์อย่างที่ว่าก็ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจสำหรับผม
บทเรียนสำคัญที่สุดในปีนี้ก็คืออย่าไว้วางใจอะไรง่ายจนเกินไป
ผมถูกหลอกโดยบริษัทจดทะเบียนต่างประเทศที่ฉ้อฉล
ตบแต่งงบการเงินตั้งแต่บรรทัดแรกยันบรรทัดสุดท้าย งบกำไรขาดทุน งบดุล
งบกระแสเงินสด ล้วนเป็นเท็จทั้งสิ้น แต่งได้กระทั่งตัวเลขเงินสดในบัญชีธนาคาร
ผมไม่คิดว่าบริษัทที่ฉ้อฉลนี้จะมีเฉพาะต่างประเทศหรอก
ในไทยก็คงจะมีอยู่และอาจจะเยอะด้วย เพียงแต่ในตลาดที่พัฒนาแล้วความจริงจะถูกเปิดเผยเร็วกว่ามาก
เพราะมีโบรกเกอร์ที่ให้บริการเฉพาะด้าน Shot
selling อยู่เยอะ พวกนี้เก่งมากในด้านการตรวจสอบความจริง จับโกหก
ขุดคุ้ยความผิดปกติของงบการเงิน
สืบประวัติผู้บริหารแล้วนำมาตีแผ่สู่สาธารณะชนแบบไม่กลัวถูกฟ้องร้องและไม่แคร์ผู้บริหาร
ผมเคยคิดง่ายๆว่าการ Short Selling เป็นการทำร้ายตลาดหุ้น มาวันนี้ผมถึงเข้าใจว่าหากไม่มี
Short Selling แล้ว
ความจริงเหล่านี้ก็จะถูกซุกไว้ใต้พรมโดยผู้บริหารที่คดโกงและนักวิเคราะห์
Buy Side ขี้เกรงใจไม่กล้าตีแผ่ความจริง
บริษัทเหล่านี้ก็จะเป็นแหล่งไซฟ่อนเงินของนักลงทุนได้ตลอดไป ผมคิดว่าประเทศไทยก็ควรจะมีโบรคเกอร์ในลักษณะนี้จะช่วยปกป้องผลประโยชน์ของนักลงทุนได้มาก
สิ่งที่ผมอยากฝากไว้สำหรับคนที่อาจจะสนใจก็คือ
ของที่ถูกและดีเกินไปนั้นต้องระวัง การวิเคราะห์ข้อมูลแต่ตัวเลขงบการเงิน
รายงานประจำปี หรืออัตราส่วนการเงินแล้วสรุปว่าหุ้นถูกหรือดีเป็นสิ่งที่ผิดมหันต์
รายงานของผู้สอบบัญชีมีประโยชน์น้อยมากสำหรับบริษัทที่ตั้งใจจะฉ้อฉล
อาจเพราะผู้สอบบัญชีเองก็ถูกหลอกหรือถ้าแย่กว่านั้นก็สมรู้ร่วมคิด
ความจริงแล้วบริษัทที่ฉ้อฉลเหล่านี้ส่วนมากจะใช้บริการของบริษัทสอบบัญชีระดับโลกแทบทั้งนั้น
การเพิ่มทุนที่บ่อยจนผิดสังเกตโดยผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นใหญ่เดิมไม่เพิ่มทุนด้วย
การขายสินค้าและบริการที่กระจุกตัวกับลูกค้าบางกลุ่ม
งบโฆษณาและงบวิจัยที่สูงเกินกว่าอุตสาหกรรม P/E
หรือ P/B ที่ต่ำจนเตะตาล้วนแต่เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความผิดปกติของบริษัทจดทะเบียนทั้งสิ้น
และเมื่อเริ่มสงสัยว่าเราอาจะถูกหลอก
สิ่งที่ดีที่สุดคือการถอยออกมาตั้งหลักไม่ใช่ถือหุ้นต่อไปเพื่อพิสูจน์ความจริง
ในปี 2016
ผมยังตั้งใจจะเน้นการลงทุนในต่างประเทศอยู่ แต่จะขยายขอบเขตความสนใจให้ธุรกิจที่หลากหลายขึ้นไม่ว่ามันจะไปจดทะเบียนอยู่ที่ไหนในโลก
ศึกษาโมเดลธุรกิจใหม่ๆ และเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงธุรกิจแนว Start up เพื่อหาโอกาสในการลงทุนและกระจายความเสี่ยงเพิ่มเติม
ผมเชื่อว่าโลกจะเปลี่ยนยุคสมัยไปได้ก็ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีและการบริการเท่านั้น
และบริษัทที่เป็นผู้ชนะในตลาดโลกก็มักจะเป็นบริษัทที่สามารถเปลี่ยนโลกได้นี่แหละ
ในขณะเดียวกันก็ต้องระมัดระวังเรื่องความผันผวนของตลาดหุ้นควบคู่กันไปด้วย
ไม่มีใครพยากรณ์ตลาดหุ้นได้ 100% หรอก
และก็ไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้เสียด้วยในตลาดหุ้น ผมหวังว่าผมจะทำได้ดีขึ้นในปีนี้
ขอให้ปี 2016 เป็นปีที่ดีของนักลงทุนทุกท่าน
Written by
Indy Investor Forum
1 มกราคม 2559