วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2559

รายงานสถานการณ์ศึกกรุงศรีฯ ณ. วันที่ ๙ ก.ย. ๒๕๕๙

นับตั้งแต่วันที่ ๑ เดือน ๙ ปีพุทธศักราช ๒๕๕๙ ได้ปรากฎกองทัพไม่ทราบที่มาจำนวนมากได้ญาตราเข้ารุกรานกรุงอโยธยาศรีรามเทพนครมาตั้งแต่ดินแดนที่ ๑๕๕๔ จุด
ชาวบ้านบางระจันได้เข้ารับศึกแดนหน้าอย่างกล้าหาญ แต่ด้วยไพร่พลที่ข้าศึกที่มากประมาณกอปรกับยุทธภัณฑ์จำนวนมากที่หลั่งไหลมาจากทุกสารทิศ และด้วยเหตุที่ทัพชาวบ้านบางระจันตั้งอยู่ในสมรภูมิที่เสียเปรียบ ชาวบ้านบางระจันจึงไม่อาจต้านทานได้และแตกพ่ายไปในที่สุด
ฝ่ายแม่ทัพกองทุนประเมินแล้วว่าไม่อาจต้านศึกที่แนวหน้า จึงได้แต่ถอยร่นไปหาที่มั่นจากเนิน ๑๕๕๔ ถอยร่นสู่แนวรับศึกที่ระดับ ๑๔๔๗ เมื่อวันศุกร์ที่ ๙ เดือน ๙ ปีพุทธศักราช ๒๕๕๙ ที่ผ่านมา สถานการณ์ยังคงไม่น่าไว้วางใจเนืองด้วยแม่ทัพกองทุนยังขาดแรงสนับสนุนยุทธภัณฑ์จากชาวกรุงศรีฯจึงไม่อาจรับศึกใหญ่ได้ถนัดนัก
ด้านพันธมิตรกรุงศรีฯ ซึ่งกอปรด้วยฝรั่งตาน้ำข้าว ชาวจีนและญี่ปุ่น ที่เคยสนับสนุนไพร่พลและยุทธภัณฑ์แก่กรุงศรีฯ มาโดยตลอด ก็เริ่มอ่อนล้าลังเล หลังจากที่ประชุมเสนาบดีคลังของประเทศโพ้นทะเลได้ส่งสัญญาณการตัดเบี้ยสนับสนุนการสงครามลงเร็วๆนี้ ในอีกด้านหนึ่งก็มีสัญญาณบ่งชี้การศึกระหว่างเมืองพี่น้องแถบเอเชียเหนือคลุกรุ่นที่อาจห้ำหั่นกันด้วยยุทโธปกรณ์ที่ทรงแสงญานุภาพ (ฝรั่งกล่าวขานยุทโธปกรณ์นี้ว่า นิวเคลียร์) มิหนำซ้ำเมืองหลวงของประเทศพันธมิตรเองก็ปรากฎข้าศึกไม่ทราบที่มารุกรานเช่นเดียวกันเมื่อคืนวันวานที่ผ่านมา ทำให้กรุงศรีฯไม่อาจพึ่งพิงพันธมิตรฯ รับศึกได้เช่นที่แล้วมา
ชาวบ้านบางระจันที่แตกพ่ายจะสามารถกลับมารวมกำลังต้านศึกได้อีกหรือไม่ แม่ทัพกองทุนจักหันกลับมาร่วมต้านศึกที่แนวรับใด เหล่าพันธมิตรจะยังช่วยเหลือกรุงศรีฯหรือไม่ประการใด
ศึกนี้ใหญ่หลวงนักชะตากรรมกรุงศรีฯจักเป็นเยี่ยงไรโปรดติดตาม
ป.ล. ขำๆนะ เห็นหุ้นตกเยอะ ไม่อยากให้เครียด
อินดี้ อินเวสเตอร์ ฟอรั่ม
เขียน ณ วันที่ ๑๐ เดือน ๙ ปีพุทธศักราช ๒๕๕๙

วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

Internet of Things: How it has changed the world (Episode 3: All in)




เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีปรากฏการณ์ที่สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก นั่นคือการเปิดตัวของเกม Pokemon Go ของค่าย Nintendo ซึ่งสร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในแง่บวกและลบกันอย่างกว้างขวาง กูรูเกมบางท่านถึงกับยกย่องให้ Pokemon Go เป็นเกมที่ยอดเยี่ยมที่สุดตั้งแต่โลกเคยมีมา แต่สำหรับผมแล้วมันมีความสำคัญกว่านั้นมาก เพราะการกำเนิดของ Pokemon Go เป็นครั้งแรกที่มีการเชื่อมโยงเอาจินตนาการกับความจริงให้มาบรรจบกันได้ ซึ่งนี่อาจเป็นการปฏิวัติการใช้ชีวิตของทุกคนบนโลกนี้ในศตวรรษที่ 21 โดยที่เราเอาอาจจะยังไม่รู้ตัว

สำหรับผู้อ่านรุ่นใหญ่ที่อาจไม่รู้จักว่า Pokemon Go คืออะไร ผมขออธิบายสั้นๆว่า Pokemon Go เป็นเกมหนึ่งในซีรี่ย์ของ Pokemon (หรือบางคนรู้จักกันในชื่อ Pocket Monster) ซึ่งเป็นเกมที่จำลองให้ผู้เล่นเป็นผู้ฝึกมอนสเตอร์ (Monster Trainer) ซึ่งต้องจับมอสเตอร์เหล่านี้มาฝึกให้เชื่อง พัฒนาให้เก่งกาจ แล้วนำไปต่อสู้ในระบบกับ Trainer คนอื่นๆ ที่เกมนี้เป็นปรากฏการณ์ฮือฮาก็เพราะการจับ มอนเตอร์ในเกม Pokemon Go ไม่ใช่เปิดเกมแล้วจับมอนไปตามเรื่องตามราวเหมือนเกมแนว Monster Trainer อื่นๆ แต่ Pokemon Go บังคับให้ผู้เล่นต้องเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆในโลกแห่งความเป็นจริงตามลายแทงในเกมผ่าน GPS เพื่อที่จะเสาะแสวงหามอนเตอร์เพื่อจับและฝึกมัน Trainer อาจต้องข้ามเขา ลงห้วย หรือออกทะเล ไปเพื่อแย่งกันตามจับมอนเตอร์หายาก ซึ่งถ้าไปถึงช้ามอนสเตอร์หายากอาจถูกจับไปก่อน ถึงขนาดมีคนพยายามบุกรุกบ้านเพื่อไปจับมอนเตอร์หากในห้องครัวของเพื่อนบ้านกันเลยทีเดียว

Pokemon Go เป็นตัวอย่างของ Internet of Things ที่สมบูรณ์แบบ คือเป็นทั้ง Gaming + Virtual Reality + Social Network + Leisure & Health และอาจจะมีการเชื่อมโยงอื่นๆได้อีกมากในอนาคต หากถึงตอนี้ผู้อ่านยังไม่เห็นภาพ ผมจะขออธิบายโดยสรุปดังนี้

Gaming แน่นอนว่า Pokemon Go เป็นเกมๆหนึ่ง ซึ่งเป็นแนว Monster Trainer ทั่วๆไป ที่เน้นจับมอนเตอร์มาพัฒนาเพื่อสู้กัน ซึ่งเกมแนวนี้มีมากมายหลากค่ายหลายยี่ห้อ แม้ว่า Brand ของ Pokemon จะแข็งแกร่งเป็นที่รู้จักกันในหมู่นักเล่นเกม แต่ก็ไม่ใช่จุดเด่นที่น่าสนใจกล่าวถึงอะไรมากนักของ Pokemon Go

Virtual Reality (VR) นี่จึงเป็นจุดเด่นที่แท้จริงของ Pokemon Go ค่ายเกมโดยทั่วไปมุ้งเน้นพัฒนา VR ที่จะเอาผู้เล่นเข้าไปในโลกเสมือนของเกม แต่ Pokemon Go กลับทำ Reverse VR โดยเอามอนสเตอร์ในเกมออกมาหาผู้เล่นในโลกแห่งความเป็นจริง พวกคุณสามารถพบกับ Pokemon ได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน โรงเรียน ถนน สวนสาธารณะ สถานที่ราชการ ทำให้ผู้เล่นทุกคนรู้สึกมีส่วนร่วมกับเกมมากกว่าจะต้องใส่แว่น VR เข้าไปส่องโลกในเกมมากนัก จุดนี้ทำให้ Pokemon Go เหนือกว่าเกม VR อื่นอย่างเทียบกันไม่ได้ ลองนึกถึงภาพ Trainer สามสี่คนต้องวิ่งแข่งกันไปจับมอนเตอร์ที่สวนสาธารณะสิเรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้บน VR แบบทั่วๆไป

Social Network ในช่วงเวลาแค่สัปดาห์เดียวหลังจากการเปิดตัว Pokemon Go สามารถสร้าง Global Community ของ Trainer ได้ทั่วโลก ทั้งๆที่เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแค่ไม่กี่ประเทศเท่านั้น ผู้เล่น Pokemon Go ก็มีหลายเชื้อชาติ ฐานะ ตั้งแต่ระดับรากหญ้าไปจนถึงประธานาธิบดีบางประเทศ ทำให้ Pokemon Go กลายเป็น Social Network ขนาดใหญ่ App Pokemon Go ขึ้นอันดับหนึ่งด้านรายได้ของ App store ในสหรัฐในเวลาแค่ครึ่งวันนับจากวันเปิดตัว และมีระยะเวลาที่ผู้ใช้ App อยู่กับมันต่อวัน (User Engagement) ยาวนานกว่า Social Network อื่นๆ อย่าง Twitter Linkin Snap Chat เกือบจะแซง facebook อยู่แล้ว จากข้อมูลล่าสุดระบุว่า Smart Phone 6 เครื่องจาก 100 เครื่องในสหรัฐจะต้องมี App Pokemon Go อยู่และตัวเลขนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าปัจจุบัน Network นี้ยังมุ่งเน้นพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันเฉพาะเรื่อง Pokemon แต่แน่นอนว่าในอนาคต ก็คงไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะเรื่อง Pokemon แน่ๆ

Leisure & Health การเล่นเกม Pokemon Go จำเป็นต้องเดินทางไปยังสถานที่ๆมอนเตอร์นั้นอยู่จริงๆ และต้องแข่งขันกับผู้เล่นรายอื่นๆอีกด้วย ทำให้ผู้เล่น Pokemon Go ต้องออกเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆที่อยู่ในโลกความเป็นจริง แทนที่จะนั่งเล่นเกมบนมือถืออยู่เฉยๆ ซึ่งก็เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการออกกำลังกายไปในตัว ในสหรัฐฯถึงกับมีบริการแท๊กซี่พา Trainer ไปจับมอนสเตอร์ตามสถานที่ต่างๆ โดยเหมาค่าบริการเป็นรายชั่วโมง ซึ่ง Pokemon Go นี้ก็โด่งดังถึงขนาดมีข่าวว่ามีชายหนุ่มชาวนิวซีแลนด์ประกาศลาออกจากงาน เพื่อทำตามความฝันเดินทางสะสม Pokemon ให้ครบทุกตัวเลยทีเดียว

สาเหตุที่ผมยกให้ Pokemon Go เป็นการปฏิวัติการใช้ชีวิต เพราะมันเป็นครั้งแรกที่เราสามารถนำสิ่งที่อยู่ในโลกเสมือนมาสู่ชีวิตจริงๆได้ และในอนาคตเกมในลักษณะ Pokemon นี้ยังสามารถประยุกต์ใช้ให้มีขอบข่ายที่กว้างออกไปได้อีก เช่น Nintendo อาจจับมือกับบริษัทผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค ทำโฆษณาแอบแฝง ให้ Trainer ต้องไปซื้อยาสีฟันยี่ห้อ Darling กับแปรงสีฟันยี่ห้อ Oral-C เอามาแปรงฟันให้ปีกาจูเพื่อเพิ่มพลังสายฟ้าผ่านการสแกน QR Code บนมือถือ ถึงตอนนั้นเราอาจได้เห็น Trainer ตัวน้อยวิ่งเข้าร้านสะดวกซื้ออ้อนวอนแม่ช่วยซื้อยาสีฟัน Darling และแปรงสีฟัน Oral-C มา Upgrade ปิกาจูใน Pokemon Go

Nintendo อาจจับมือกับการท่องเที่ยวท้องถิ่นจัดให้มี Pokemon ประจำจังหวัดที่ต้องไปตามจับตามสถานที่และเวลาที่ระบุ Trainer จะต้องเอา Pokemon ประจำจังหวัดเชียงใหม่ มาผสมกับ Pokemon ประจำจังหวัดขอนแก่น เพื่อให้ได้ Pokemon ประจำประเทศไทย แล้วเอาไปรวม Pokemon ประจำประเทศจีน ให้ได้ Pokemon ประจำทวีปเอเชียเพื่อเอาไปแข่งขัน Pokemon Olympic ที่จัดขึ้นทุกปีที่ Tokyo London และ New York ส่วน Nintendo ก็รับค่าโฆษณาหรือรับจัด Package Tour ไปด้วยกันเลย

โอกาสทางธุรกิจต่อยอดของ Pokemon Go ยังมีอยู่อีกมาก ดังจะเห็นได้จากนักลงทุนในตลาดหุ้นโตเกียวให้ราคากับมูลค่าของเกม Pokemon Go เกมเดียวสูงถึง 21,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยตก 750,000 ล้านบาท โดยพิจารณาจากราคาหุ้นของ Nintendo ที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 100% ในเวลาเพียง 7 วันทำการจนถึงวันที่เขียนบทความนี้ เรียกได้ว่าเกมนี้เกมเดียวพลิกชีวิต Nintendo จากที่เคยถูกปรามาสว่าจะไปไม่รอดเพราะไม่สามารถเจาะตลาดเกม Online ได้ กลายมาเป็นผู้นำพลิกโฉมวงการเกมแบบไม่มีใครตามทัน

แน่นอนว่าเกม Pokemon Go นี้คงไม่ใช่เกมสุดท้ายและเกมเดียวที่สามารถเชื่อมโยงโลกเสมือนกับโลกแห่งความเป็นจริงเข้าด้วยกัน ในอนาคตอันใกล้ก็คงมีอีกหลายค่ายเกม หรืออาจเป็น Social Network ยักษ์ใหญ่ ที่จัดทำ Community ในลักษณะเดียวกันมาแข่งขัน ซึ่งก็อาจจะทำให้ Pokemon Go เสื่อมความนิยมลงไปตามวัฎจักรธุรกิจ แต่วันนี้ Pokemon Go ได้พิสูจน์แล้วว่า Internet of Things สามารถเชื่อมโยงทุกอย่างบนโลก (แม้กระทั่งโลกเสมือน) เข้าด้วยกันได้จริง

หากกระทั่งโลกเสมือนยังสามารถเชื่อมโยงเข้าด้วยกันได้ด้วย Internet of Things  การเชื่อมโยงธุรกิจอื่นเข้าด้วยกันจึงเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าและสามารถเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน ผมจึงไม่จำเป็นต้องเขียนเรื่องอื่นๆต่อไปอีก บทความนี้จึงเป็นบทสรุปแบบ All in ของบทความซีรี่ย์ Internet of Things: How it has changed the world ของผมที่ใช้เวลาเขียนมายาวนาน (ด้วยความขี้เกียจ) ได้อย่างสมบูรณ์ ในอนาคต Internet of Things จะสามารถเชื่อมโยงอะไรเข้าด้วยกันได้อีกก็คงต้องฝากให้ผู้อ่านติดตามกันต่อไป

...แล้วโลกจะเปลี่ยนไปตลอดกาล...

Indy Investor Forum
20 กรกฎาคม 2559

วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Moneyball เกมล้มยักษ์ บทเรียนการลงทุนผ่านสนามฟุตบอล (2)


วันที่ 2 พ.ค. 2559 เป็นวันที่โลกฟุตบอลจะต้องจารึก เมื่อสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้แห่งประเทศอังกฤษสามารถสร้างปาฎิหารย์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีคซึ่งเป็นลีคสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษครั้งในประวัติสตร์ 132 ปีของสโมสร สวนทางกับความคาดหมายของกูรูและสำนักพนันต่างๆที่ปรามาสว่าเป็นทีมเต็งที่จะตกชั้น ความสำเร็จนี้คงไม่ได้น่าจดจำอะไรนักถ้าเลสเตอร์เป็นสโมสรยักษ์ใหญ่ หรือทีมเงินหนาที่ทุ่มเงินซื้อนักฟุตบอลราคาแพง แต่เลสเตอร์เป็นสโมสรเล็กๆที่มีงบประมาณทำทีมเกือบจะต่ำที่สุดในพรีเมียร์ลีค นักฟุตบอล 11 ตัวจริงที่ลงสนามมีค่าตัวรวมกันแค่ 24 ล้านปอนด์ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของค่าตัว 49 ล้านปอนด์ที่สโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี้จ่ายให้สโมสรลิเวอร์พูลเพื่อซื้อตัวราฮีม สเตอริ่ง นักเตะดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษเพียงคนเดียว อันที่จริงหลายๆคนเป็นส่วนเกินที่สโมสรใหญ่ปล่อยตัวออกมาฟรีๆเสียด้วยซ้ำ

สำหรับผมแล้วความสำเร็จของเลสเตอร์ซิตี้นี้ยิ่งใหญ่กว่าชัยชนะ 20 นัดติดต่อกันของสโมสรโอ๊คแลนด์ แอตเลติกส์ ในวงการเบสบอลที่ถูกนำมาตีแผ่เป็นหนังสือและภาพยนต์เรื่อง Money Ball: The Art of Winning and an Unfair Game หลายเท่า ความสำเร็จของเลสเตอร์ถ้าจะบอกว่าได้มาเพราะโชคช่วยคงจะไม่ใช่ เพราะกีฬาที่ต้องทำผลงานแข่งกัน 38 นัดตลอด 10 เดือน เล่นทั้งเหย้าและเยือน เพียงอย่างเดียวโชคคงไม่สามารถผลักดันให้ทีมเล็กๆเป็นแชมป์รายการแสนทรหดนี้ได้ ความสำเร็จของเลสเตอร์ซิตี้ในฤดูกาล 2015/2015 จึงคู่ควรจะนำมาศึกษาเพื่อเป็นประโยชน์ต่อแนวคิดการลงทุนและการบริหารธุรกิจ ผมจึงขอเผยแพร่ตอนต่อของ Money Ball หลังจากที่ได้นำเสนอบทความเรื่อง Money ball: บทเรียนการลงทุนผ่านสนามเบสบอล (http://indyinvestorforum.blogspot.com/2012/05/moneyball-1.html) ไปแล้วเมื่อปี 2555

นอกจากเรื่องเวทมนตร์ ไสยศาสตร์ ผ้ายันต์ หรือเรื่องบุญกรรม ที่ผมจะไม่ขอพูดถึงเนื่องจากพิสูจน์ไม่ได้แล้วนั้น สโมสรเลสเตอร์มีปัจจัยแห่งความสำเร็จหลายอย่างที่สโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แมนเชสเตอร์ซิตี้ อาร์เซน่อล เชลซี และลิเวอร์พูลมองข้ามไปและก็เป็นเหตุที่ทำให้พวกเขาล้มเหลวในการไล่ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีคในฤดูกาลนี้

Valuation ด้วยความที่เลสเตอร์เป็นสโมสรขนาดเล็กที่มีงบประมาณทำทีมไม่มากนัก ทำให้พวกเขาต้องแสวงของดีราคาถูก เลสเตอร์จึงเลือกซื้อแต่นักเตะที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียง แต่มีทักษะที่สอดคล้องกับแผนการเล่นของตนเอง ประเภทมาจากดิวิชั่น 3 ของลีคฝรั่งเศส (ริยาร์ด มาเรซ) หรือนักเตะปล่อยตัวฟรี (คริสเตียน ฟุชส์ และมาร์ค ออลไบรตั้น) แต่มีความสามารถที่โค้ชต้องการคือ เร็ว คล่อง ทำประตูเฉียบคม หรือวางบอลแม่น แล้วจับเอาความสามารถเฉพาะด้านของนักเตะเหล่านี้มาผสานกันเป็นทีม พวกเขาเข้าใจดีกว่ากุญแจสำคัญของชัยชนะในกีฬาฟุตบอลอยู่ที่การเล่นเป็นทีม นักฟุตบอลเก่งๆ ถ้าเล่นร่วมกันไม่ได้ก็ไม่สามารถผลักดันให้ทีมชนะ ผลลัพธ์ก็คืองบประมาณทำทีมเพียง 48.2 ล้านปอนด์ก็สามารถสร้างประวัติศาสตร์ได้ (เชลซีใช้งบประมาณทำทีมฤดูกาล 2015/2016 ไป 215.6 ล้านปอนด์ แต่จนถึงวันที่เลสเตอร์เป็นแชมป์ พวกเขาอยู่อันดับ 9 ตามหลังเลสเตอร์ 29 คะแนน)

Know yourself การที่เลสเตอร์เป็นทีมเล็กๆนักเตะทักษะสู้ทีมใหญ่ๆไม่ได้ จะให้ไปเล่นฟุตบอลสวยงามทำเกมรุกถล่มประตูคู่แข่งก็คงจะไม่ได้ พวกเขาจึงต้องเลือกแนวทางการเล่นที่ไม่ต้องอาศัยนักเตะพรสวรรค์สูง นั่นคือ เน้นเกมรับเหนียวแน่นแล้วเล่นเกมสวนกลับเร็ว เน้นวางบอลยาวให้แนวรุกที่มีความเร็ว (มาเรซ) และความเฉียบคม (วาร์ดี้) อาศัยจังหวะที่แนวรับคู่แข่งกำลังเติมเกมรุกกลับไปตั้งรับไม่ทัน สร้างสถานการณ์แบบ 2:2 หรือ 2:3 เข้าทำประตูด้วยความเฉียบคม ฟุตบอลแบบนี้ไม่สวยงามเท่าไร แต่ทรงประสิทธิภาพมาก จนถึงวันที่พวกเขาเป็นแชมป์ เลสเตอร์เสียประตูเพียง 34 ลูกน้อยที่สุดเป็นอันดับสองของพรีเมียร์ลีครองจากสเปอร์ที่เสียไป 28 ประตู

Low profile การที่บ่อนการพนันยกให้พวกเข้าเป็นเต็งทีจะตกชั้นช่วยพวกเขาได้มาก เนื่องจากช่วงต้นจนถึงกลางฤดูกาล ทีมคู่แข่งที่พบกับเลสเตอร์มักเล่นด้วยความประมาท ย่ามใจ พวกเขามักเปิดเกมรุกเข้าหมายจะเอาชนะ และเปิดพื้นที่ว่างในแดนหลัง จึงเปิดโอกาสให้เลสเตอร์ได้ใช้จุดเด่นในเกมรับ และเกมโต้กลับเร็วเข้าโจมตีเมื่อตัดเกมจากคู่แข่งได้ กว่าที่ทีมยักษ์ใหญ่จะรู้ตัวว่าเลสเตอร์ยอดเยี่ยมเพียงใด พวกเขาก็นำโด่งจนไล่ไม่ทันไปซะแล้ว ถ้าสมมุติให้ยกนักเตะทีมเลสเตอร์ และโค้ชย้ายไปสวมเสื้อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แมนเชลเตอร์ ซิตี้ อาร์เซนอล หรือเชลซี พวกเขาก็อาจจะไม่ได้แชมป์ เพราะทีมคู่แข่งจะมาเล่นด้วยความระมัดระวัง ไม่เปิดพื้นที่ว่างให้นักเตะเลสเตอร์ได้ใช้เกมโต้กลับหรือความเร็วเข้าโจมตีได้ง่ายๆ

Team Spirit ในบรรดา 20 สโมสรของพรีเมียร์ลีค เลสเตอร์เป็นทีมที่มีทีมสปิริตสูงที่สุด พวกเขาเล่นฟุตบอลแบบไม่เห็นแก่ตัว ทุกคนทำเพื่อประโยชน์สูงสุดของทีม ถ้ามีเพื่อนมีโอกาสทำประตูดีกว่า พวกเขาก็จะจ่ายบอลให้เพื่อนแบบไม่อิดออด ฟุตบอลของเลสเตอร์จึงไหลลื่นเป็นธรรมชาติ แตกต่างๆที่นักเตะดังของทีมใหญ่ๆ ที่อีโก้สูง มุ่งแต่จะยิงประตูเองเพิ่มค่าตัว บางครั้งถึงขนาดแย่งกันยิงจุดโทษ หรือเล่นลูกตั้งเตะกันก็มี หรือถ้าใครคิดว่าความสามารถเฉพาะตัวสำคัญกว่าทีมเวิร์คลองไปดูผลงานของเชลซีในฤดูกาลนี้ก็ได้

Consistency เลสเตอร์เป็นทีมที่เปลี่ยนนักฟุตบอลหรือแผนการเล่นในแต่ละเกมน้อยมาก พวกเขาเน้นการเล่นแบบ 4-4-2 ด้วยนักเตะชุดเดิมๆ และแท๊คติกเดิมๆ ตลอด 35 นัดที่ทำให้พวกเข้าได้แชมป์ นักเตะจึงเข้าใจแผนการเล่น และระบบทีมเป็นอย่างดี แตกต่างกับทีมใหญ่ที่มีนักเตะดังๆเยอะ ต้องเปลี่ยนทีมแบ่งกันลงสนาม หรือบางครั้งโค้ชก็อินดี้จัดนักเตะดังๆไปเล่นในตำแหน่งที่ไม่ถนัดซะงั้น ทำให้นักเตะขาดความเข้าใจในรูปเกม และเกิดความสับสนในแท็คติกในแต่ละนัด

Concentration เลสเตอร์ตกรอบฟุตบอลรายการอื่นๆเร็วมาก รวมถึงไม่ได้ไปเตะฟุตบอลยุโรป ทำให้นักเตะของเลสเตอร์มีสมาธิกับพรีเมียร์ลีคได้เต็มที่ พวกเขาไม่ต้องอ่อนล้ากับการเล่นฟุตบอลรายการอื่นๆ ทำให้ในช่วงที่มีฟุตบอลยุโรปซึ่งทีมใหญ่ๆต้องไปเตะติดกันหลายๆนัด เลสเตอร์ได้เปรียบเรื่องความฟิตของนักเตะเป็นอย่างมาก

Luck ปฏิเสธไม่ได้ว่าโชคย่อมเป็นส่วนหนึ่งของทุกความสำเร็จ เลสเตอร์โชคดีมากที่นักเตะของพวกเขาแทบจะไม่พบอาการบาดเจ็บระยะยาวมารบกวนเลย และที่โชคดีกว่านั้นก็คือฤดูกาล 2015/2016 เป็นปีที่ทีมใหญ่มีปัญหาของตัวเองทุกทีม บางทีมนักเตะไม่ชอบหน้าโค้ชก็เตะกันไปเรื่อยเปื่อย บางทีมก็เผชิญปัญหานักเตะเปลี่ยนหน้ากับบาดเจ็บไปตลอดฤดูกาล บางทีมประสบปัญหาโค้ชอินดี้ชอบเล่นแท๊คติกแปลกๆซึ่งลูกทีมไม่ค่อยเข้าใจ บางทีมก็เพิ่งเปลี่ยนโค้ชอะไรๆก็ยังไม่ค่อยลงตัว บางทีมนักเตะอิ่มตัวกับความสำเร็จเล่นรอวันย้ายทีม จึงเปิดโอกาสให้เลสเตอร์และสเปอร์ทีมที่ไม่มีปัญหาภายในได้มีโอกาสมาแย่งแชมป์กันให้เป็นเกียรติประวัติ

ผมคิดว่าเลสเตอร์ซิตี้ยากที่จะป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีคได้ในฤดูกาลหน้า เพราะปัจจัยแห่งความสำเร็จหลายปัจจัยจะกำลังเปลี่ยนไป อาทิเช่น

เลสเตอร์จะกลายเป็นแชมป์เก่าที่จะอย่างไรเสียทีมคู่แข่งก็ต้องเกรงใจ การเล่นกับเลสเตอร์ก็จะเพิ่มความระมัดระวังขึ้น แท๊คติกแบบเล่นเหนียวแน่นแล้วสวนกลับเร็วซึ่งเป็นทีเด็ดอาจมีประสิทธิภาพลดลง

พวกต้องไปเล่นในรายการยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีค ทำให้พวกเขาไม่สามารถโฟกัสกับการป้องกันแชมป์เพียงอย่างเดียวได้ พวกเขาจำเป็นต้องหมุนเวียนนักเตะเพื่อลดการอ่อนล้าและอาการบาดเจ็บ ซึ่งจะทำให้พวกเขาไม่สามารถใช้ทีมชุดเดียวกันเล่นไปตลอดฤดูกาลเหมือนปีนี้ได้

ทีมสปิริตพวกเขาก็อาจลดลงเนื่องจากนักเตะแกนหลักอาจถูกยั่วยวนด้วยข้อเสนอให้ย้ายทีมไปเล่นกับทีมยักษ์ใหญ่ นักเตะก็อาจจะเริ่มงอแงขอขึ้นค่าจ้างหลังจากเป็นแชมป์

การซื้อนักเตะของเลสเตอร์ก็จะยากขึ้นและแพงขึ้นเพราะทุกสโมสรรู้ว่าพวกเขามีรายได้เพิ่มขึ้นจากการไปเล่นฟุตบอลยุโรปคงจะไม่ยอมขายให้แบบถูกๆ

ปัจจัยเหล่านี้จะเป็นสิ่งท้าเคลาดิโอ รานิเอรี่ และลูกทีมในฤดูกาลหน้า ว่าพวกเขาจะสามารถก้าวข้ามคำว่า สโมสรม้ามืด ที่มาเดี๋ยวก็ไปให้พัฒนาไปเป็น สโมสรชั้นนำที่รักษาความสำเร็จต่อเนื่องยาวนานเป็นทศวรรตอย่างที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ต ลิเวอร์พูล อาร์เซน่อลเคยเป็นได้หรือไม่ แต่ ณ จุดนี้ก็ต้องบอกว่าเลสเตอร์ ซิตี้ได้เขียนเทพนิยายที่สมบูรณ์แบบของวงการฟุตบอลไปเรียบร้อยแล้ว

ว่ามาตั้งนานแล้วความสำเร็จของเลสเตอร์มันมาเกี่ยวอะไรกับการลงทุนล่ะ ผมลงทุนร่ายยาวมาก็เพื่อจะบอกว่าปัจจัยความสำเร็จของเลสเตอร์ก็สามารถนำประยุกต์ใช้กับการลงทุนได้เช่นกัน

Valuation การลงทุนที่ดีอาจไม่ใช้การลงทุนที่ทุกคนคิดว่าดี บริษัทที่ทุกคนรู้ว่าดีก็จะซื้อขายกันด้วยราคาทีสูงมากเกินกว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นให้นักลงทุนได้ เช่นเดียวกับบรรดานักฟุตบอลชื่อดังค่าตัวแพงต่างๆที่มักจะทำให้สโมสรขาดทุนอยู่เนืองๆ ในขณะมุ่งเน้นแต่ลงทุนในบริษัทที่ราคาอยู่ในระดับต่ำหรือราคาหุ้นตกลงมาแล้วเยอะๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้นักลงทุนได้เช่นกัน เพราะนักลงทุนคนอื่นๆก็ไม่ถึงกับไร้เหตุผลซะทีเดียว บริษัทประเภทนี้หลายๆบริษัทก็ล้มหายตายจากไปแบบไม่กลับมาได้อีก การวิเคราะห์มูลค่าของกิจการจึงมีความจำเป็นมาก เราอาจเข้าใจว่าการลงทุนมันก็ไม่ยาก แค่ซื้อหุ้นที่ราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานและขายเมื่อราคาหุ้นขึ้นสูงเกินกว่าปัจจัยพื้นฐาน แต่ความจริงแล้วการประเมินปัจจัยพื้นฐานของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ราคาหุ้นแต่ละตัวก็จะซื้อขายกันตามที่นักลงทุนส่วนใหญ่คิดว่าเหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน ณ ขณะนั้นเกือบตลอดเวลานั่นแหละ การจะหาหุ้นที่ต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานในแต่ละช่วงเวลาไม่ใช่เรื่องง่ายแค่อ่านบทวิเคราะห์แล้วซื้อหุ้นตาม สิ่งที่เราควรทำก็การวิเคราะห์ว่าปัจจัยพื้นฐาน ในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบันอย่างไร เราจำเป็นต้องคิดแตกต่างจากคนอื่นๆ และต้องถูกต้องแล้วหาไม่แล้วเราก็จะแห่ซื้อขายตามคนส่วนใหญ่ และผลตอบแทนของการลงทุนของเราก็จะเป็นไปตามนักวิเคราะห์ นักลงทุนส่วนใหญ่ หรืออีกนัยหนึ่งก็ผลตอบแทนตามตลาดหุ้นโดยเฉลี่ยนั่นแหละ

Know Yourself คนเราเกิดมามีความแตกต่างกัน ลักษณะนิสัย พื้นเพ ความถนัด ความชอบส่วนตัว เราจึงควรลงทุนอย่างที่เป็นตัวของตัวเอง เรียนรู้ตัวเองว่าอะไรเป็นจุดแข็งอะไรเป็นจุดอ่อน แล้วเลือกวิธีการลงทุนที่สอดคล้องกับจุดแข็งของตัวเอง เช่นเดียวกับเลสเตอร์ที่เลือกเล่นฟุตบอลในสไตล์ที่ตัวเองถนัด ไม่สวยงาม ไม่ตื่นเต้นเร้าใจก็ไม่เป็นไร ถ้าผลลัพธ์ออกมาดีเดี๋ยวก็ตื่นเต้นกันเองในที่สุด บางคนเป็นคนตัดสินใจช้า คิดละเอียด แต่เลือกจะเล่นหุ้นแนวเทคนิคหรือเล่นตราสารอนุพันธ์ที่มีความผันผวนสูง ถึงเวลาจะต้องขายตัดขาดทุนก็ลังเลคิดเยอะ อย่างนี้ก็อาจไม่เหมาะ บางคนเป็นคนใจร้อน คิดเร็ว แต่เลือกเล่นหุ้นนอกกระแสที่ต้องรอเวลาเห็นผลยาวนาน พอเห็นหุ้นซิ่งตัวอื่นวิ่งขึ้นพรวดๆก็ทำใจไม่ได้ สุดท้ายก็ขายหุ้นที่ถือแล้วไปเล่นหุ้นร้อนจนติดดอยนั่นแหละ

Consistency & Concentration เมื่อเราค้นพบแนวทางการลงทุนที่เหมาะกับตัวเองแล้ว เราจำเป็นต้องมั่นคงกับมัน ตลอดชีวิตของนักลงทุนจะต้องพบบททดสอบแห่งศรัทธาหลายครั้ง บางครั้งตลาดอาจไม่เป็นใจกับแนวทางการลงทุนของเรา เราก็จำเป็นต้องยอมรับและเรียนรู้ที่จะอยู่กับความผิดหวัง ไม่ท้อแท้อะไรง่ายๆ บางครั้งปัญหาที่เราเจออาจถึกับทำให้เราท้อแท้หรืออยากเปลี่ยนสไตล์การลงทุนไปเลยก็มี แต่เชื่อผมเถอะมีนักลงทุนจำนวนน้อยมากที่ประสบความสำเร็จจากการเปลี่ยนสไตล์การลงทุนไปมา เซียนหุ้นที่ผมรู้จักก็มักจะค้นพบตัวเองจนพบแล้วก็อยู่กับมันไปจนประสบความสำเร็จ

Low Profile นักลงทุนที่ดีไม่ควรโอ้อวดความสำเร็จของตน เที่ยว Capture หน้าจอหุ้นที่ตัวเองกำไรไปโพสต์อวดความเก่งแข่งกันใน Social Network ว่ากำไรเท่านั้นเท่านี้ และธรรมดาคงไม่มีใครเอาผลขาดทุนไปอวดชาวบ้าน ยิ่งเราโอ้อวดมากเท่าไร เรายิ่งหลงตัวเอง หลงลืมความผิดพลาดของตัวเรา และทำให้เราขาดการพัฒนา หากเราไม่เรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีตแล้วเราก็จะมีแนวโน้มจะผิดพลาดซ้ำรอยเดิมอีก นักลงทุนที่ดีจึงควรทำ Trading Journal เพื่อทบทวนการลงทุนของตัวเองไม่ว่าจะกำไรหรือขาดทุน ถ้าได้กำไรต้องดูว่าเกิดจากอะไรจะได้เอาไปทำซ้ำได้ วิเคราะห์ถูก ตัดสินใจเหมาะกับเวลาหรือแค่โชคช่วย ถ้าขาดทุนต้องดูกว่าเกิดจากอะไรจะทำหลีกเลี่ยงความผิดพลาดซ้ำรอยเดิม การโอ้อวดความสำเร็จของตนไม่ได้ทำให้ดูดีในสายตาคนอื่นเท่าไรหรอกรังแต่จะทำให้คนรอบข้างรำคาญซะมากกว่า เซียนหุ้นที่ผมรู้จักล้วนแล้วแต่ถ่อมตน เอาจริงๆคนทั่วๆไปอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นเซียนหุ้นพอร์ตร้อยล้านพันล้าน

Team Spirit ในที่นี้หมายถึงการรับฟังความเห็นของคนรอบข้าง บางคนได้กำไรมากๆอย่างต่อเนื่องเราก็อาจเข้าใจไปเองว่าเราบรรลุอรหันต์ผลแห่งการลงทุนแล้ว ทั้งๆที่บางคนเพิ่งเข้าตลาดหุ้นมาได้สองสามปีเอง ยังไม่เคยเผชิญความโหดร้ายของตลาดหมี แต่ถ้าจะให้เจอพญาหมีด้วยตัวเองก็อาจจะไม่รอดในครั้งแรก นักลงทุนจึงควรศึกษาหาความรู้ รับความเห็นที่แตกต่าง เรียนรู้จากผู้ประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาว เพื่อที่จะรู้ว่าสิ่งที่ใดที่เรายังไม่รู้ ไว้เป็นแนวทางในการเอาตัวรอดในกรณีที่เราต้องเผชิญกับสภาวะตลาดที่เราไม่เคยเจอมาก่อน เช่น วิกฤติเศรษฐกิจ เป็นต้น

Luck แน่นอนว่าโชคย่อมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ แต่การลงทุนที่พึ่งแต่โชคจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในระยะยาว เราจำเป็นต้องจำแนกให้ได้ว่าความสำเร็จที่เกิดขึ้นส่วนใดมาจากโชค ส่วนใดมาจากฝีมือที่สามารถนำไปทำซ้ำได้ ชีวิตของคนเราทุกคนมันก็มักจะเจอโชคดีกับโชคร้ายพอๆกันทุกคนนั่นแหละ การเอาแต่พึ่งดวงหรือโทษดวง ไม่ได้ทำให้ชีวิตนักลงทุนดีขึ้น แทนที่จะเอาเวลาไปตระเวนบนบานศาลกล่าว หรือกล่าวโทษดินฟ้าเวลาขาดทุน ผมว่าเอาเวลามาศึกษาหาความรู้ ทบทวนการลงทุนของตัวเองจะดีกว่า

ที่เขียนมาทั้งหมดนี้เป็นบทเรียนที่ผมได้รับจากการติดตามผลงานของเลสเตอร์ซิตี้ทั้ง 35 นัด ผมไม่ได้อ้างอิงจากบทความหรือตำราเล่มใด ไม่ได้พยายามทำตัวเป็นเซียนหุ้นเก่งกาจเหนือใคร และไม่ได้มีเจตนาจะสั่งสอนใดๆ แค่บังเอิญได้เห็นเลสเตอร์สร้างปฏิหารย์คว้าแชมป์ลีคประวัติศาสตร์ได้เลยครึ้มอกครึ้มใจมาวิเคราะห์ความสำเร็จของเลสเตอร์ตามประสาคนขึ้สงสัยแค่นั้นเอง หวังว่าข้อสังเกตของผมจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านไม่มากก็น้อย และถ้าจะมีเหตุปฎิหารย์แนวนี้เกิดขึ้นอีกผมก็ขอสงวนสิทธิ์ที่จะเขียน Money ball ตอนสาม สี่ หรือห้าในอนาคต

Indy Investor Forum

4 พ.ค. 2559