วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2555

เกร็ดน่ารู้แห่งแดนซากุระ


สืบเนื่องจากความประทับใจที่ได้ไปทริปสงกรานต์ที่ญี่ปุ่น เลยอยากเอาเกร็ดน่ารู้แบบขำๆของประเทศญี่ปุ่นมาเล่าสู่กันฟังซักหน่อย บางเรื่องผมก็เห็นมาด้วยตา บางเรื่องน้องชายผมที่เรียนที่ญี่ปุ่นมาซักพักมาเล่าให้ฟัง

1. ประเทศญี่ปุ่นมีประชากรประมาณ 130 ล้านคน มากเป็น 2 เท่าของไทย แต่มีเนื้อที่ประมาณ 72% ของประเทศไทย คนญี่ปุ่นเลยอยู่กันค่อนข้างแออัด โดยเฉพาะในกรุงโตเกียวที่มีประชากร 35 ล้านคน ส่วนใหญ่จะนอน"ทับ"กันเป็นชั้นๆ ในห้องแคบๆ

2. คนญี่ปุ่นเป็นคนที่มีวินัยและมีความซื่อสัตย์มากๆ ถ้าเห็นแซงคิวหรือวิ่งข้ามถนนตอนไฟแดง ให้ฟันธงไปเลย ไม่ไทยก็จีนมาเที่ยวแน่นอน ที่น่ายกย่องที่สุดคือเรื่องความซื่อสัตย์ ถ้าไปทานอาหารใน Food court ในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยแล้วหาที่นั่งลำบาก เด็กญี่ปุ่นเขาจองโต๊ะกันด้วย iPhone 4S หรือกระเป๋าสตางค์ Paul Smith ครับ กลับมาไม่มีหาย ถ้าเป็นเมืองไทยละก็หวานโจร แต่ผมก็ไม่แนะนำให้ท่านที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นทำทำเพราะท่านอาจไปเที่ยวในที่ๆคน ต่างชาติไปกันเยอะๆก็ได้ ทิ้งไว้ละก็เสร็จโจรแน่นอน =_=

3. คนญี่ปุ่นนิยมการเดินทางด้วยรถไฟทั้งบนดินและใต้ดิน รถไฟที่นี่ไปได้ทุกที่ในประเทศ ฉะนั้นอย่าแปลกใจถ้าสาวๆที่นี่ขาจะใหญ่กว่าสาวไทยซักเล็กน้อยเพราะเจ้าหล่อน เดินเยอะกว่าสาวไทยมากนัก

4. การเดินทางด้วยรถมีน้อยมากถ้าเทียบกับไทยทั้งๆที่รถญี่ปุ่นราคาถูกมาก (Toyota Prius รุ่นใหม่ที่เมืองไทยยังไม่มีราคาแค่ 240,000 บาทเท่านั้นเอง) สาเหตุเพราะรถที่ญี่ปุ่นมีอายุการใช้งาน 5 ปีเปลี่ยนไม่เหมือนรถไทยที่ขับกันไปจนกว่ามันจะพัง และค่าจอดรถที่ญี่ปุ่นแพงเวอร์ (เฉลี่ยในโตเกียวค่าจอดรถ 2 ช.ม. 760 บาท)

5. แท๊กซี่ที่ญี่ปุ่นจะต้องเป็น Toyota Crown เท่านั้น ผมสาบานได้ว่าผมเห็น Toyota Crown รุ่นที่หน้าตาเหมือนในหนังเรื่อง "ไอ้มดแดง" วิ่งพล่านในโตเกียวเต็มไปหมด ถึงแม้ว่ามันจะผ่านมาแล้วเกือบ 20 ปีก็ตาม

6. คนญี่ปุ่นถ้าไม่คอขาดบาดตายจะไม่นั่งแท๊กซี่เด็ดขาด เพราะค่าแท๊กซี่ที่ญี่ปุ่นแพงมากๆๆๆ (ระยะทาง 35 km ค่าแท๊กซี่ตามมิเตอร์ประมาณ 5000 บาท ถ้าไปรถไฟประมาณ 200 บาท) และขึ้นไปก็ไม่ได้เร็วกว่าเท่าไร เพราะรถมันติด

7. การพูดภาษาอังกฤษในฟังรู้เรื่องเป็นทักษะที่หาได้ยากมากในญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าคุณกำลังซื้อของจากเคาเตอร์เครื่องสำอางค์ในห้างดังกลางย่านชินจุ กุ ก็อย่าคาดหวังว่าพนักงานในร้านจะพูดภาษาอังกฤษกับคุณ และถึงเขาจะพูดภาษาอังกฤษคุณก็อย่าหวังว่าจะเข้าใจภาษาอังกฤษของคุณเธอได้ ง่ายๆ (โครงสร้างภาษาญี่ปุ่นไม่เอื้อในการออกเสียงภาษาอังกฤษ ซึ่งแตกต่างจากภาษาไทย) สงสัยรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติจะไม่เยอะพอจะจูงใจให้ร้านส่งพนักงานไป เรียนภาษาอังกฤษ -_-

8. ถ้าคุณหลงทางในสถานีรถไฟที่ญี่ปุ่นคุณกำลังเจอกับปัญหาใหญ่เพราะคนที่ ญี่ปุ่นเดินเร็วมากจนไม่ค่อยสนใจคนที่ต้องการความช่วยเหลือ และถึงจะเจอคนที่อยากจะช่วยเขาก็ไม่พูดภาษาอังกฤษกับคุณอยู่ดี เจ้าหน้าที่สถานีก็มีน้อยมากและพูดภาษาอังกฤษได้นิดหน่อยเท่านั้น ทางที่ดีก็กางแผนที่และอ่านป้ายเอานั่นแหละมันเขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือไม่งั้นก็ไปเรียนภาษาญี่ปุ่นซะให้รู้แล้วรู้รอด

9. การแก้ผ้าอาบน้ำหมู่ของคนญี๋ปุนถือเป็นเรื่องปกติมากๆ ที่นั่นเขามี "ออนเซ็น" ให้หนุ่มๆสาวๆไปแช่น้ำร้อน พูดคุย เฮฮากัน คนต่างชาติไปอาจจะเขินๆหน่อย ถ้าเป็นคนญี่ปุ่นแล้วชิวๆ แต่ถ้าออนเซ็นรวมชาย-หญิง นี่ไม่เรียกปกตินะครับ ต้องเป็นโรงแรมชื่อดังจริงๆถึงจะมี

10. คนญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมการ "ดื่ม" เป็นชีวิตจิตใจไม่ว่าจะชายหรือหญิง ถ้าทำงานแล้วมันจะไปดื่มเบียร์คนละแก้วสองแก้วก่อนกลับบ้าน และมีวัฒนธรรมการ"สูบ"ทีน่าทึ่ง เกือบทุกถนนในโตเกียวจะมีตู้ขายบุหรี่ แต่ที่น่าตกใจคือสถิติคนญี่ปุ่นเป็นมะเร็งตับและมะเร็งปอดน้อยกว่าคนไทยมาก ไม่รู้ว่าบุหรี่เขาดีหรือเบียร์เขาแอลกอฮอลต่ำกว่าหรือเปล่า -_-

11. หนุ่มๆญี่ปุ่นถ้าทำงานแล้วจะแต่งตัวเนี๊ยบตลอดเวลา ทุกบริษัทพนักงานชายจะใส่สูทผูกไทด์กันหมด พอเลิกงานพี่แกก็จะไปดื่มต่อแบบใส่สูทเมาแอ๋นั่นล่ะ ไม่รู้จะเท่กันไปถึงไหน

12. สาวญี่ปุ่นนี่ต้องถือว่าใจเด็ดมากเพราะไม่ว่าอาการจะหนาวถึงขึ้นหิมะตก คุณเธอก็สามารถใส่มินิสเกริตโชว์เรียวขาขาวๆได้ Legging ก็ไม่ใส่ ถ้าเทียบกับหนุ่มไทยที่ใส่เสื้อเอสกิโมไปยื่นขาสั่นงกๆ แล้วนับว่าห่างชั้นมาก

13. ที่ญี่ปุ่นมีสไตล์การแต่งหน้ายอดนิยมที่เรียกกันว่า Kawaii Style เน้นรองพื้นให้หน้าขาววอก ตาโตๆ ขนตายาวๆ ปากเข้มๆ ดูแล้วเหมือนตุ๊กตา เรียกว่าแต่งกันกันเข้มถึงขนาดว่าไม่เหลือเค้าโครงหน้าเดิมให้จำกันได้เลย ที่เดียว มีคำพูดที่หนุ่มๆญี่ปุ่นชอบแซวว่า "เห็นตอนแก้ผ้า ไม่ตกใจเท่าเห็นตอนล้างหน้า" O.o

14. สาวญี่ปุ่นถ้าจะออกเดทกับหนุ่มไหนต้องคิดหนักเพราะธรรมเนียมปฎิบัติที่นี่ ถ้ายังไม่ตกลงเป็นแฟนกัน ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการออกเดทจะออกกันคนละครึ่งแบบอเมริกันแชร์เลย ถ้าสาวฮอตคิดจะควงหนุ่มๆทีละ 3-4 คน ค่าใช้จ่ายก็จะบานไป 3-4 เท่าเหมือนกัน ต่างกับธรรมเนียมแบบไทยๆที่หนุ่มๆไทยมันจะโชว์ความ "ป๋า" จ่ายให้ตลอดทริป

15. สุดท้ายที่อยากบอกก็คือ ทั่วเมืองใหญ่ๆอย่างเช่น โตเกียว เกียวโต โอซาก้า เป็นต้น จะมีเขาวงกตที่อยู่ในตึกที่ว่ากันว่าถ้าชายได้หลงเข้าไปในเขาวงกตที่่ว่า แล้วมักจะหาทางออกมาไม่ได้ หรือถ้าออกมาได้ก็มักอยู่ในสภาพเจียนตายเลือดหมดตัว รายละเอียดเป็นอย่างไรไม่ขออธิบาย แต่เอาเป็นว่าหนุ่มๆเข้าใจกันดี เขาวงกตที่ว่านี้หาได้ง่ายมากเขียนเป็นป้ายติดไว้ที่หน้าตึกเลยก็มี เผื่อมีหนุ่มใดสมัครใจเสี่ยงตายเข้าไปลุยเขาวงกต

ก็เล่ากันมา หอมปากหอมคอนะครับ ผมก็เล่าไปขำไป อย่าไปซีเรียสอะไรกันมาก แต่ละประเทศก็มีวัฒนธรรมของตนเองครับ จะไปว่าเขาผิดเราถูกก็คงจะไม่ได้ ^_^

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น