วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2555

อนิจจังกับวัฎจักรธุรกิจสื่อสาร (2)


ในบทความตอนที่แล้ว ผมได้กล่าวถืงถึง NOKIA ยักษ์ล้มแห่งทศวรรษมาแล้ว ในตอนนี้ผมขอพูดถึงคู่หู NOKIA บ้างทั้งคู่ประสบชะตากรรมไม่แตกต่างกันเท่าไร โดยสาเหตุของความถดถอยมีความแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย แต่หุ้นตัวที่ว่านี่สะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนของตลาดหุ้นได้ดีกว่ามากๆ

Research In Motion Limited (RIMM) พูดแค่ชื่อบริษัทคนอาจจะไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกชื่อผลิตภัณฑ์รับรองร้องอ๋อกันทั้งเมือง RIMM เป็นผู้ให้บริการมือถือระบบ Blackberry ครับ รายนี้มาเร็วไปเร็วเข้าตลาดปี 1999 ราคาหุ้นไม่ไปไหนไกลจนปี 2003 ที่มือถือระบบ BB เป็นที่นิยมมากในอเมริกาเหนือในสมัยที่ระบบมือถือยังไม่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ทโดยสมบูรณ์ในปัจจุบัน BB ครอบครองส่วนแบ่งการตลาดของการส่งข้อมูลระหว่าง USER ในอเมริกาเหนือกว่าครึ่ง ส่งผลราคาหุ้น RIMM วิ่งรวดเดียวจาก $US 2.50 ในปี 2003 ไปจุดสูงสุดแถวๆ $US 140 ในปี 2008 หุ้นขึ้นไป 56 เท่าในเวลาแค่ 5 ปี!!!

อย่างไรก็ดีบนความสำเร็จก็ก่อให้เกิดล้มเหลว RIMM ยังคงยึดติดกับความเป็นเจ้าตลาดที่ครอบครองข้อมูลการสื่อสารผ่านระบบผูกขาด (USER) ทุกคนต้องส่งข้อมูลผ่าน Database ของ RIMM เท่านั้น และละเลยการพัฒนา Feature และ Application ในด้านอื่นๆ หลังจากที่มือถือสามารถ Integrade เข้ากับ Internet ได้มากขึ้น ผู้ใช้มือถือก็ต้องการอะไรที่มากกว่าการรับ-ส่งข้อความ ทำให้เกิดการเติบโตของสิ่งที่ปัจจุบันเรียกกันว่า Application ขึ้น Apple ได้เปิดเกมรุกอย่างจริงจังโดยการจัดตั้ง App store เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้พัฒนา Software ต่างๆได้พัฒนา Application ที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างไม่มีขีดจำกัด โดย Apple แค่ขอหักหัวคิวของคนที่เอา Application มาขายผ่าน Appstore เท่านั้น (คล้ายๆ 7-11 บ้านเราที่ขายที่ว่างคนชั้นวางของให้ Supplier มาขาย ต่างกันตรงที่ว่า 7-11 มีสาขาทั่วประเทศ 6276 สาขา แต่ Appstore มีสาขาเท่ากับจำนวนคอมพิวเตอร์ทั่วโลกที่ต่อกับอินเตอร์เน็ตรวมกัน สเกลจึงต่างกันมาก)

เมื่อ Apple เปิด Appstore ส่วน RIMM ยังคงวุ่นวายกับการรักษาระบบ BB ให้มีความสเถียรมากที่สุด ผลลัพธ์จึงแตกต่างอย่างมหาศาลในระยะเวลาสั้นๆ Apple Inc. มีพันธมิตรมากมายเท่ากับจำนวน App developer ที่อยากจะรวยเร็วมาขายผ่าน App store ซึ่งพร้อมจะตอบสนองความต้องการผู้บริโภคในทุกแง่มุม ส่วน RIMM ยืนหยัดอยู่อย่างโดดเดี่ยวกับพันธมิตรที่มีอยู่น้อยนิดและ Database ที่ภาคภูมิใจ จนในที่สุดความได้เปรียบของ BB ก็หมดไปเมื่อ App developer พัฒนา App ที่ติดต่อกันระหว่าง USER ได้ เช่น WhatsApp Line Viber ฯลฯ RIMM ก็ถึงตาจน เพราะ BB ส่งข้อความกันได้เฉพาะในเครือข่าย แถมต้องรู้ PIN อีกต่างหาก ส่วน WhatsApp Line ฯลฯ คุยกันได้ทุกเครือข่ายขอให้ต่อเน็ตเป็นใช้ได้ แถม Pin ก็ไม่ต้องใช้ App พวกนี้ดึงเบอร์มือถือจากเครื่องขึ้นมาให้หมด ประกอบกับระบบ 3G ทำให้คุณสามารถใช้เน็ตจากจุดใดก็ได้ในประเทศ iPhone จึงได้รับชัยชนะขั้นเด็ดขาดเหนือ BB และมือถือค่ายอื่นๆ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ราคาหุ้น RIMM หล่นวูบเดียวจาก $US 140 ในปี 2008 ลงมาเหลือ $US 13.2 ณ วันที่ 18 Apr 2012 ราคาหุ้นลดลงเหลือแค่ 1/10 ของจุดสูงสุด ที่น่าใจหายก็คือ RIMM ใช้เวลาแค่ 5 ปีวิ่งขึ้นไป 56 เท่า และก็ใช้เวลา 3 ปีกว่าร่วงลงมาเหลือแค่ 1 ใน 10 รวมวัฎจักรชีวิตของ RIMM จากรุ่งเรืองสู่เสื่อมถอยมันแค่ไม่ถึง 10 ปีเท่านั้นเอง!!!

เสน่ห์ของตลาดหุ้นก็คือมันพร้อมจะพาคุณเป็นเศรษฐีดีได้ในช่วงอีดใจ และสามารถส่งคุณไปเป็นขอทานได้ในเวลาอันสั้น บทเรียนตลาดหุ้นไม่ได้มีแค่ NOKIA และ RIMM เท่านั้น รุ่นพี่อย่าง OLYMPIA หรือ KODAK ก็เคยเดินในเส้นทางนี้มาแล้วทั้งนั้น ในระบบทุนนิยมผู้ชนะมีได้เพียงหนึ่ง (Winner take all) การเลือกหุ้นจึงควรพิจารณาอนาคตของอุตสาหกรรมให้ถ้วนถี่ อย่าคิดง่ายๆแค่ว่าหุ้นมันลงเดี๋ยวมันก็ขึ้น ท่านอาจต้องเสียใจกับความคิดง่ายๆเช่นนั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น