วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2555

อนิจจังกับวัฎจักรธุรกิจสื่อสาร (3)



ในบทความสองตอนก่อน ผมได้วิเคราะห์ความเป็นมา (และเป็นไป) ของ Nokia และ RIMM ไปแล้ว ผมจะมาลองเปรียบมวยบริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน IT ในปัจจุบัน ชื่งได้แก่ Microsoft Corporation (MSFT) และ Apple Inc. (AAPL) ในรูปกราฟเส้นสีฟ้าเป็นราคาหุ้น AAPL ส่วนเส้นสีแดงเป็น MSFT

MSFT และ AAPL นับได้ว่าเป็นมวยถูกคู่ที่ชิงดีชิงเด่นกันมาตั้งแต่ก่อตั้ง ทั้งสองบริษัทมีปรัชญาที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง MSFT เน้นขาย Software ที่จำเป็นต้องการดำรงชีวิต (Windows operation) ซึ่งใช้ได้กับคอมพิวเตอร์ทุกประเภท ประมาณว่าชีวิตฉันขาดเธอไม่ได้ ในขณะที่ AAPL เน้นขาย Lifestyle ขายความสะดวกสบาย ประมาณว่าถ้าใครใช้ iPhone iPad เดินไปไหนคนจะต้องมองว่าเท่ (It's cool)

ในยุคสมัยที่คอมพิวเตอร์ยังไม่หลากหลาย (1990-2005) ที่ผู้ผลิต Desktop และ Notebook ยังแข่งขันผลิตกันอย่างเอาเป็นเอาตาย MSFT ได้รับชนะเหนือ AAPL อย่างเห็นได้ชัด เพราะ MSFT เน้นขายแต่ Windows ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง ในขณะที่ AAPL พยายามจะขาย "พ่วง" คอมพิวเตอร์ Desktop แบบจอตู้กับระบบปฎิบัติการแมคอินทอช คนนึงผลิต OS แต่ดันใช้ได้แต่เครื่องของตัวเอง ส่วนอีกคนผลิตแค่ Software แต่มีทั้ง IBM Compaq Fujitsu Hewlett ฯลฯ ช่วยกันขายเครื่องให้ ผูู้บริโภคมีทางเลือกที่หลากหลายกว่าหากเลือกใช้ Windows ดังนั้น Software developer ต่างๆจึงแห่กันมาเข้าร่วมกับทาง Windows มากกว่า Macintosh ราคาหุ้น MSFT จึงวิ่งแซง AAPL ไปไกลมากจนส่งผลให้ Bill Gate กลายเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก

เวลาเปลี่ยน โลกเปลี่ยน คนก็เปลี่ยน คอมพิวเตอร์ยุคหลังเริ่มมีความหลากหลายมากขึ้น คอมพิวเตอร์กลายเป็นส่วนหนึ่งของข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างในโลก เช่น Smart phone เครื่องเสียงติดรถยนต์ Navigator ฯลฯ ผู้บริโภคก็เปลี่ยนมาต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น ไม่ต้องการแค่ความจำเป็นเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป ผู้ผลิต PC และ Notebook ที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด ก็เริ่มทยอยล้มหายตายจาก เช่น IBM ก็เลิกทำ Compaq โดน HP ซึ่งกิจการ ฯลฯ ความได้เปรียบของ MSFT ก็เริ่มลดลงเพราะจำกัดตัวเองอยู่แค่ Windows ในขณะที่ Technology มันก็พัฒนามาเข้าทาง AAPL มากขึ้น ความนิยมของการใช้ MP3 เป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จของ AAPL เพราะสามารถออกแบบ iPod ได้โดนใจผู้บริโภค ในขณะที่ MSFT ยังไม่เห็นความสำคัญของการพัฒนา Product line ใหม่ๆ จาก iPod สู่ iPhone และ iPad ความนิยมของ AAPL ก็สูงขึ้นเรื่อยๆ กว่าที่ MSFT จะรู้สึกตัวหันมาพัฒนา Product line อื่นๆแข่งกับ AAPL ก็สายไปเสียแล้ว

AAPL เก็บเอาความพ่ายแพ้ต่อ MSFT ในช่วงต้นมาใช้เป็นบทเรียน AAPL ไม่ยอมอยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไป จึงพยายามหาพันธมิตรให้มากที่สุด เช่น ทำ iPod แต่ไม่ทำ MP3 เอง ทำ App store แต่ไม่พัฒนา Application เอง (อย่างเช่นที่ MSFT ทำ Windows แต่ไม่ทำคอมพิวเตอร์เอง) เมื่อผลิตภัณฑ์ของ AAPL ได้รับความนิยมมากขึ้น พันธมิตรของ AAPL ก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ตามนโยบายแบ่งกันทำแบ่งกันรวย จนกระทั่ง iPhone 3 วางตลาด ความรุ่งเรืองของ AAPL ก็พุ่งปริ๊ด MSFT ขึ้นไปได้ และในที่สุด AAPL ก็กลายมาเป็นบริษัท IT อันดับหนึ่งของโลกแซงหน้า MSFT ได้สำเร็จ (Market cap ของ AAPL บริษัทเดียวใหญ่กว่า Market cap ของหุ้นไทยทั้งตลาดรวมกัน)

จริงๆแล้ว MSFT ก็เคยเป็นเจ้าตลาดของ Smart Phone มาก่อนด้วย OS Windows mobile (WM) ซึ่งก็ได้ขายดีในช่วงแรก พันธมิตรของ WM เช่น O2 LG Palm ขายดิบขายดี ณ ปี 2005 WM มี market share ถึง 39% อย่างไรก็ดีหลังจาก iOs เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นตาม iPhone market share ของ WM หล่นวูบลงเหลือแค่ 5% ในปี 2010 พร้อมกับการล้มหายตายจายของพันธมิตรอย่าง O2 และ Palm

MSFT พยายามออก OS Windows Phone (WP) มาแทน WM เพื่อหาที่ยืนบนตลาด Smart phone แต่เนื่องจาก Windows Phone ออกมาช้าไปซักหน่อย เพราะมาออกเอาตอนที่ผู้ผลิตมือถือรายอื่นๆ ที่ยังเหลือรอดอยู่ เช่น Sumsung HTC Motolora Texas Instument เข้าไปจับมือกับ Android หมดแล้ว แถม Android ยังมียักษ์ IT อย่าง Google หนุนหลังอีก ทำให้แนวโน้มความสำเร็จของ WP ที่จะไปแข่งกับ iOS ได้ดูจะลำบาก เพราะ App Develper ที่ไม่เข้ากับ iOS กับมักจะเลือก Android ในการใช้ช่องทางการขาย App ของตัวเอง แทบไม่เหลือที่ว่างให้ WP ยืน บนตลาด Application อีก

คำถามที่น่าสนใจก็คือ ต่อไป MSFT จะกลายเป็น Nokia, RIMM หรือ Kodak อันดับต่อไปหรือไม่ ตามความเห็นผมแล้วยังไม่น่าจะถึงขนาดนั้น เพราะ MSFT เน้นการขายของที่ "จำเป็น" โดยยังคงมี Windows ที่ผูกขาดในตลาด PC และ Notebook เพราะคนยังจำเป็นต้องใช้ Windows ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน บันเทิง หรือด้านอื่นๆ และพันธมิตร Software ของ Windows ยังคงเหนียวมแน่น เพราะ Windows ครองความเป็นเจ้าตลาดมานานเกินไปที่ Macintosh จะเจาะตลาด PC และ Notebook ได้ ทุกวันนี้ผมเชื่อว่าผู้บริโภคหลายคนยังคงใช้ PC และ Notebook ที่เป็น Windows base อยู่เพื่อการทำงาน แม้ว่าจะปันใจไปใช้ iPhone หรือ iPad เพราะ Mac Book และ Mac Pro ยังไม่สามารถตอบโจทย์ "ความจำเป็นในชีวิต" ได้นั่นเอง แม้จะตอบโจทย์ความ "เท่" ได้ก็ตาม (แต่บางคนก็อยากเท่ถึงขนาดลงทุนเอา Mac Book ไปใส่ Windows เพราะอยากใช้ Software ที่เป็น Windows base :D)

มวยคู่ยักษ์ระหว่าง MSFT และ AAPL จึงยังต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะรู้ผลว่า MSFT จะอดทนรอจนกว่า AAPL จะเจอคู่แข่งนี่เน้นด้าน "ความเท่" มาลดความสำคัญของ iPhone และ iPad ได้ก่อน หรือ AAPL จะสามารถเจาะตลาดด้าน "ความจำเป็น" และชักจูงให้ Software Developer ยอมหันมาพัฒนาบนระบบ Macintosh ให้เท่ากับ Windows ได้ก่อน แต่ไม่ว่ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร MSFT และ AAPL ก็ได้ให้บทเรียนด้านธุรกิจและการแข่งขันแก่พวกเราไปเรียบร้อยแล้ว :D

บทความตอนนี้ถือเป็นตอนจบของบทความแบบไตรภาคของ "อนิจจังกับวัฎจักรธุรกิจสื่อสาร" ผมขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาตลอด และหวังว่าจะได้รับการสนับสนุน Indy Investor Forum ต่อไปครับ (^ ^)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น