- เถ้าแก่ : กระตือรือล้น และทำทุกอย่างสุดความสามารถเสมอ เพราะเขารู้ว่าถ้าเขาทำมากเขาจะได้มาก
- ลูกจ้าง : ทำงานตามหน้าที่ ทำงานตามสั่ง และเฉื่อยชา เพราะเขาทำมากหรือทำน้อยเขาก็ได้เงินเดือนเท่าเดิม
- เถ้าแก่ : กล้าที่จะคิดต่าง เพราะการคิดนอกกรอบสามารถสร้างธุรกิจใหม่ และเพิ่มรายได้ให้เถ้าแก่ได้ไม่จำกัด
- ลูกจ้าง : คิดแต่จะอยู่ในกรอบ กลัวความคิดตนจะไม่เหมือนคนอื่น กลัวผิดระเบียบปฎิบัติ กลัวขัดใจนาย การคิดต่างไม่ได้ช่วยให้ชีวิตของลูกจ้างดีขึ้นมีแต่จะทรงหรือแย่ลง
- เถ้าแก่ : กล้าที่จะเสี่ยงในสิ่งที่เขาคิดดีแล้ว กล้าจะเผชิญกับความไม่แน่นอน กล้าทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ และยอมรับได้กับผลของการตัดสินใจและการกระทำของเขาไม่ว่าจะดีจะร้าย
- ลูกจ้าง : หลีกเลี่ยงความเสี่ยง เพราะกลัวล้มเหลว กลัวถูกนายตำหนิ ชอบสิ่งที่สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้า และเมื่อทำสิ่งใดผิดพลาดมันโยนความผิดให้ผู้อื่น
- เถ้าแก่ : เชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปได้ ชีวิตคนเราขึ้นอยู่กับการกระทำของเรา ถ้าพบอุปสรรคระหว่างทางเขาพร้อมที่จะหาทางออกทุกวิถีทางเพื่อให้เป้าหมายของ เขาลุล่วงไปได้ เขาเลือกจะหาทางไปไม่เปลี่ยนเป้าหมาย
- ลูกจ้าง : เชื่อว่าทุกอย่างถูกลิขิตไว้แล้ว ไม่ว่าทำอย่างไรชีวิตเราก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ถ้าพบอุปสรรคระหว่างทางเขามักจะเลือกล้มเลิกเป้าหมายแทนที่จะหาทางทำให้เป้า หมายเป็นไปได้ เขาเลือกจะเปลียนเป้าหมายไม่พยายามหาหนทางไป
- เถ้าแก่ : ไม่ท้อแท้ ไม่ว่าเขาจะล้มเหลวกี่ครั้งก็พร้อมจะลุกขึ้นสู้ต่อไป โดยใช้ความผิดพลาดเป็นบทเรียน
- ลูกจ้าง : ถอดใจเมื่อล้มเหลว และหาทางหลีกหนีจากสิ่งที่ตนเคยล้มเหลว และก็มักจะไปพบกับความล้มเหลวใหม่ๆที่เขาไม่เคยเจอ
- เถ้าแก่ : เห็นคุณค่าของเงิน มักเก็บออมเพื่อนำเงินออมมาลงทุนเพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติม และเก็บไว้สำรองเผื่อธุรกิจของตนมีปัญหา
- ลูกจ้าง : คิดว่าเงินเป็นสิ่งที่ได้มาแน่นอนทุกเดือน อย่างไรนายจ้างก็ต้องจ่ายให้ เมื่อมีโอกาสก็มักใช้เงินให้หมดไป และรอคอยเงินเดือนๆต่อไปมาใช้ใหม่
- เถ้าแก่ : กู้เงินมาเพื่อลงทุน ขยายกิจการ ต่อยอดธุรกิจ และเมื่อมีโอกาสก็จะคืนเงินกู้ เพื่อลดภาระดอกเบี้ย
- ลูกจ้าง : กู้เงินมาเพื่ออุปโภคบริโภค และมักกู้เงินไปเพื่อซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยไปเรื่อยๆ เท่าที่จะยังจ่ายค่างวดไหว
- ถ้าคุณขาดความกระตือรือล้น คุณก็จะขาดความมุ่งมั่นที่จะค้นคว้าหาข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจให้ดีที่สุด หรือหลีกเลี่ยงความรู้ใหม่ๆและทำให้คุณยึดติดกับแนวคิดเดิมๆ
- ถ้าคุณขาดความคิดนอกกรอบ คุณก็จะถูกตลาดชัดนำได้ง่ายและมีแนวโน้มจะแห่ตามนักลงทุนรายอื่นๆ ถ้านักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดไม่ได้เป็นเศรษฐี คุณที่แห่ตามนักลงทุนส่วนใหญ่ก็มีแนวโน้มจะไม่ได้เป็นเศรษฐีไปด้วย
- ถ้าคุณกลัวที่จะล้มเหลว การตัดสินใจของคุณก็จะขาดความเด็ดขาด และมีแนวโน้มจะปล่อยให้ความผิดพลาดขยายผลไปเรื่อยๆเพราะคุณปฎิเสธที่จะยอม รับและแก้ไขมัน
- ถ้าคุณเชื่อว่าทุกอย่างถูกลิขิตไว้แล้ว คุณก็จะดำเนินชีวิตไปตามตามแบบอย่างที่คุณเคยเห็น เคยสัมผัส ซึ่งอาจเป็นพ่อแม่ของคุณ ญาติผู้ใหญ่ของคุณ หรืออาจารย์ของคุณ และคิดว่าชีวิตของคุณเป็นได้ไม่มากไปกว่านั้น ซึ่งแท้จริงแล้วมหาเศรษฐีระดับโลกในปัจจุบัน หลายคนก็สร้างเนื้อสร้างตัวมาด้วยตัวเองไม่ได้พึ่งแค่สิ่งที่มีมาแต่กำเนิด
- ถ้าคุณท้อแท้ง่าย เมื่อคุณล้มเหลว คุณก็จะไม่พยายามหาสาเหตุเพื่อแก้ไขและลุกขึ้นสู้กับปัญหา แต่จะเลือกหนีจากความล้มเหลวนั้นๆ สุดท้ายคุณก็จะล้มเหลวไปเรื่อยๆไม่ว่าคุณจะเปลี่ยนไปทำอะไรก็ตาม
- ถ้าคุณไม่รู้จักเก็บออม คุณจะก็ไม่มีเงินลงทุนซักที มีเหตุผลข้ออ้างนับล้านที่คุณอาจใช้อธิบายว่าทำไมคุณจึงไม่มีเงินเริ่มลงทุน แต่เหตุผลจริงๆมีเพียงข้อเดียวคือ คุณไม่เริ่มออมเงิน จำเอาไว้ว่าการลงทุนเริ่มต้นจากการออมเสมอ
- ถ้าคุณกู้เงินมาเพื่อการอุปโภคบริโภค สุดท้ายเงินนั้นก็จะหมดไป แต่ถ้าคุณกู้เงินมาเพื่อลงทุน คุณยังมีสองทางเลือกคือ 1. เงินก็หมดไปอยู่ดี (เพราะขาดทุน) 2. เงินอาจเพิ่มขึ้นมากกว่าเงินกู้และคุณจะสามารถนำไปลงทุนต่อได้อีก การลงทุนไม่แน่ว่าจะประสบความสำเร็จเสมอไป แต่อย่างน้อยคุณยังมีโอกาสที่จะได้กำไรและสร้างรากฐานความมั่งคั่งได้ มหาเศรษฐีทุกคนล้วนแต่เคยสัมผัสการใช้เงินกู้มาแล้วทั้งนั้น แต่สาเหตุที่พวกเขาประสบความสำเร็จได้เพราะพวกเขาเลือกที่จะกู้มาลงทุนไม่ ใช่กู้เพื่อการบริโภค
งานเขียนฉบับนี้เป็นการแสดงความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนซึ่งอาศัยข้อ สังเกตและประสบการณ์ส่วนตัวในตลาดทุนเท่านั้น ไม่มีงานวิจัยใดๆสนับสนุนแนวคิดดังกล่าวของผู้เขียน ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน อนึ่ง ผู้เขียนแสดงทัศนะในบทความนี้ในเชิงส่วนตัวไม่ได้แสดงความเห็นแทนบริษัท คณะบุคคล มูลนิธิหรือองค์กรใดๆ ทั้งสิ้น
ชอบครับ
ตอบลบi like it
ตอบลบthx bro
ยอดเยี่ยมเลย โดยเฉพาะประโยคนี้ดีมาก
ตอบลบ"ถ้าคุณกู้เงินมาเพื่อการอุปโภคบริโภค สุดท้ายเงินนั้นก็จะหมดไป แต่ถ้าคุณกู้เงินมาเพื่อลงทุน คุณยังมีสองทางเลือกคือ 1. เงินก็หมดไปอยู่ดี (เพราะขาดทุน) 2. เงินอาจเพิ่มขึ้นมากกว่าเงินกู้และคุณจะสามารถนำไปลงทุนต่อได้อีก การลงทุนไม่แน่ว่าจะประสบความสำเร็จเสมอไป แต่อย่างน้อยคุณยังมีโอกาสที่จะได้กำไรและสร้างรากฐานความมั่งคั่งได้ มหาเศรษฐีทุกคนล้วนแต่เคยสัมผัสการใช้เงินกู้มาแล้วทั้งนั้น แต่สาเหตุที่พวกเขาประสบความสำเร็จได้เพราะพวกเขาเลือกที่จะกู้มาลงทุนไม่ ใช่กู้เพื่อการบริโภค"
ขอบคุณทุกความเห็นครับ
ตอบลบขอบคุณข้อมูลดีๆแบบนี้ค่า 😊
ตอบลบขอบคุณข้อมูลดีๆแบบนี้ค่า 😊
ตอบลบแบบนี้ ควรลงทุนในธนาคาร หรือกิจการที่เน้นปล่อยกู้เพื่อการลงทุน ไม่เน้นการปล่อยกู้เพื่อบริโภคด้วยไหมครับ
ตอบลบแบบนี้ ควรลงทุนในธนาคาร หรือกิจการที่เน้นปล่อยกู้เพื่อการลงทุน ไม่เน้นการปล่อยกู้เพื่อบริโภคด้วยไหมครับ
ตอบลบจะว่าไป พวกโทรมาขายสินเชื่อ มีแต่สินเชื่อที่อนุมัติจากรายได้เงินเดือน ทำให้เป็นได้แต่มนุษย์เงินเดือน ไม่ยักมีมาเสนอสินเชื่อเพื่อทำอะไรให้หลุดพ้นจากการเป็นมนุษย์เงินเดือน
ตอบลบอันที่จริง ให้กู้โดยดูแต่เงินเดือน เจ้าหนี้เองก็จะได้รับผลตอบแทนซึ่งจำกัดอยู่ที่เงินเดือนของลูกหนี้ (เงินเดือนไม่ขึ้นก็ไม่ได้ผลตอบแทนตามไปด้วย) แต่ถ้าปล่อยกู้เพื่อขยายธุรกิจ ผลตอบแทนก็โตตามธุรกิจด้วย
ใช้สำหรับเงินกู้ของคุณวันนี้ออนไลน์โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นของทุกชนิดและรับ
ตอบลบเงินกู้ของคุณในอัตรา 3%
ติดต่อเราวันนี้ที่
raphealjefferyfinance@gmail.com
กรอกแบบฟอร์มการสมัครขอสินเชื่อ
ชื่อ:
ประเทศ:
สถานะ:
เบอร์โทรศัพท์:
อายุ:
อาชีพ:
จำนวนเงินกู้ที่จำเป็น:
ระยะเวลา:
เว็บไซต์: raphealjefferyfinance@gmail.com
ผบ. นายเจฟฟรีย์