วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์กับการกระจายความมั่งคั่ง

ชาตรี โรจนอาภา, CFA, FRM


นักลงทุนทั่วไปคงจะพอจะรู้จักดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index – SET) กันอยู่บ้าง ซึ่ง SET Index เป็นดัชนีที่บอกถึงทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นทุกตัวในตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทยโดยให้ความสำคัญตามมูลค่าตลาดของบริษัท (Market capitalize weighted) ถ้านับรวมเงินปันผลรับเข้าไปด้วยเราเรียกดัชนีที่รวมเงินปันผลนี้ว่า ดัชนีผลตอบแทนรวม (SET Total return index – SET TRI) แต่นักลงทุนทราบไหมว่า SET หรือ SET TRI มีนัยอย่างไรกับการกระจายตัวของความมั่งคั่ง (Wealth) ของนักลงทุนในตลาด วันนี้ผมขอนำเสนอมุมมองอีกด้านหนึ่งของเรื่องนี้กัน

ผลตอบแทนของ SET TRI นี้แท้จริงแล้วเป็นค่าเฉลี่ยของผลตอบแทนที่นักลงทุนทุกคนพึงได้รับจากการลง ทุนในตลาดหุ้น หมายความว่าถ้ามีนักลงทุนกลุ่มหนึ่งที่ได้ผลตอบแทนสูงกว่าตลาด (SET TRI) ก็ต้องมีนักลงทุนอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับผลตอบแทนต่ำกว่าตลาด ซึ่งผลตอบแทนที่สูงกว่าอาจอยู่ในรูปการได้กำไรมากกว่าตลาด หรือขาดทุนน้อยกว่าตลาดก็ได้ การแพ้ตลาดจึงไม่เป็นว่าจะต้องขาดทุนเสมอไป ในอีกนัยหนึ่งการกระจายความมั่งคั่งของตลาดหุ้นก็จะถ่ายเทจากผู้แพ้ไปยังผู้ ชนะ โดยมีบริษัทผู้จ่ายเงินปันผลเป็นคนเติมความมั่งคั่งให้กับผู้ถือหุ้นไม่ว่า จะเป็นฝ่ายแพ้หรือชนะ (ดังนั้นการลงทุนในหุ้นจึงไม่ใช่ Zero sum game เหมือนการพนัน หรือตราสารอนุพันธ์)

เช่นนั้นแล้วตลาดหุ้นก็จะมีผู้ชนะและผู้แพ้พอๆกันอย่างนั้นหรือ ความจริงในตลาดทุนอาจโหดร้ายกว่านั้น กฎการกระจายความมั่งคั่ง 80 : 20 (ซึ่งหมายถึงกลุ่มคนเพียง 20% ของโลกจะครอบครองความมั่งคั่ง 80% ของโลก) ก็สามารถนำมาอธิบายการกระจายความมั่งคั่งในตลาดหุ้นได้เช่นกัน หมายความว่านักลงทุนส่วนใหญ่จะได้รับผลตอบแทนที่ต่ำกว่าดัชนีในขณะที่นักลง ทุนส่วนน้อยเท่านั้นที่จะได้รับผลตอบแทนสูงกว่า แต่ผลตอบแทนที่นักลงทุนส่วนน้อยได้รับนั้นจะสูงกว่าผลตอบแทนของตลาดมาก ตัวเลขดังกล่าวไม่ใช่ตัวเลขที่ตายตัว แต่แนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงจะเอียงไปทางที่กลุ่มคนน้อยจะยิ่งครอบครองความ มั่งคั่งมาก ตามกลไกตลาดของระบบทุนนิยมที่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้ชนะ (นักลงทุนที่มีความมั่งคั่งมากกว่าจะมีโอกาสเข้าถึงแหล่งข้อมูลเชิงลึกได้ดี กว่า สามารถขอการสนับสนุนทางการเงินได้มากกว่า เป็นต้น)

ในความเป็นจริงผู้ชนะในตลาดหุ้นก็มีหลากหลายกลุ่มปะปนกันไป อาจเป็นเจ้าของกิจการผู้ลงทุนลงแรงปลุกปั้นบริษัทมาแต่ต้น ผู้จัดการกองทุนขั้นเทพที่มีประสบการณ์ยาวนาน นักลงทุนต่างชาติที่มีแบบจำลองการลงทุนเชิงปริมาณที่สุดยอด หรืออาจเป็นนักลงทุนแบบทรงคุณค่าที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่เฉยๆที่บ้านก็ ได้ ปัจจัยสำคัญไม่ได้อยู่ที่ประเภทของนักลงทุน แต่ผู้เขียนเชื่อว่าตราบเท่าที่การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นยังถูกกำหนดด้วย ความต้องการซื้อขายของนักลงทุน มิได้ถูกกำหนดโดยตรงด้วยแบบจำลองทางการเงินหรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ใดๆ ปัจจัยกำหนดการแพ้ชนะจะอยู่ที่วิธีการคิด และปฏิบัติของนักลงทุนท่านนั้นๆ ถ้าคิดและปฏิบัติเหมือนคนส่วนใหญ่นักลงทุนก็มีแนวโน้มจะได้ผลตอบแทนตามตลาด หรืออาจแพ้ตลาด แต่ถ้ามุ่งแต่จะคิดต่างโดยไม่สนใจว่าความเห็นที่ต่างนั้นจะถูกหรือผิด ผลลัพธ์ก็จะนำไปสู่ความล้มเหลวได้เช่นกัน ผู้ชนะในตลาดหุ้นจำเป็นต้องคิดแตกต่างอย่างถูกต้องเท่านั้น ซึ่งแนวคิดการลงทุนในตลาดหุ้นมีอยู่หลากหลายยากที่จะบอกได้ว่าวิธีการใดถูก ผิด ทุกแนวคิดการลงทุนมีผู้นำไปปฏิบัติและประสบความสำเร็จทั้งนั้น นักลงทุนพึงเลือกแนวคิดการลงทุนให้เหมาะสมกับตัวเองดังงานเขียนชิ้นก่อนๆที่ ข้าพเจ้าได้เคยเขียนไว้ พึงระลึกไว้ว่าการที่คิดและปฏิบัติแตกต่างจากคนส่วนใหญ่ไม่สามารถบอกได้ ทันทีว่าเรากำลังคิดและทำถูกหรือผิด เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์และให้คำตอบกับเราเอง สุดท้ายนี้นักลงทุนอาจลองสำรวจผลการลงทุนของตัวเองว่าสูงหรือต่ำกว่าตลาดมาก น้อยเพียงใด ถ้าได้รับผลตอบแทนน้อยกว่าตลาด ยินดีด้วยครับคุณเป็นคนส่วนใหญ่ J

งานเขียนฉบับนี้เป็นการแสดงความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนซึ่งอาศัยข้อ สังเกตและประสบการณ์ส่วนตัวในตลาดทุนเท่านั้น ไม่มีงานวิจัยใดๆสนับสนุนแนวคิดดังกล่าวของผู้เขียน ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน อนึ่ง ผู้เขียนแสดงทัศนะในบทความนี้ในเชิงส่วนตัวไม่ได้แสดงความเห็นแทนบริษัท คณะบุคคล มูลนิธิหรือองค์กรใดๆ ทั้งสิ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น