วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

Internet of Things: How it has changed the world (Episode 3: All in)




เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีปรากฏการณ์ที่สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก นั่นคือการเปิดตัวของเกม Pokemon Go ของค่าย Nintendo ซึ่งสร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในแง่บวกและลบกันอย่างกว้างขวาง กูรูเกมบางท่านถึงกับยกย่องให้ Pokemon Go เป็นเกมที่ยอดเยี่ยมที่สุดตั้งแต่โลกเคยมีมา แต่สำหรับผมแล้วมันมีความสำคัญกว่านั้นมาก เพราะการกำเนิดของ Pokemon Go เป็นครั้งแรกที่มีการเชื่อมโยงเอาจินตนาการกับความจริงให้มาบรรจบกันได้ ซึ่งนี่อาจเป็นการปฏิวัติการใช้ชีวิตของทุกคนบนโลกนี้ในศตวรรษที่ 21 โดยที่เราเอาอาจจะยังไม่รู้ตัว

สำหรับผู้อ่านรุ่นใหญ่ที่อาจไม่รู้จักว่า Pokemon Go คืออะไร ผมขออธิบายสั้นๆว่า Pokemon Go เป็นเกมหนึ่งในซีรี่ย์ของ Pokemon (หรือบางคนรู้จักกันในชื่อ Pocket Monster) ซึ่งเป็นเกมที่จำลองให้ผู้เล่นเป็นผู้ฝึกมอนสเตอร์ (Monster Trainer) ซึ่งต้องจับมอสเตอร์เหล่านี้มาฝึกให้เชื่อง พัฒนาให้เก่งกาจ แล้วนำไปต่อสู้ในระบบกับ Trainer คนอื่นๆ ที่เกมนี้เป็นปรากฏการณ์ฮือฮาก็เพราะการจับ มอนเตอร์ในเกม Pokemon Go ไม่ใช่เปิดเกมแล้วจับมอนไปตามเรื่องตามราวเหมือนเกมแนว Monster Trainer อื่นๆ แต่ Pokemon Go บังคับให้ผู้เล่นต้องเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆในโลกแห่งความเป็นจริงตามลายแทงในเกมผ่าน GPS เพื่อที่จะเสาะแสวงหามอนเตอร์เพื่อจับและฝึกมัน Trainer อาจต้องข้ามเขา ลงห้วย หรือออกทะเล ไปเพื่อแย่งกันตามจับมอนเตอร์หายาก ซึ่งถ้าไปถึงช้ามอนสเตอร์หายากอาจถูกจับไปก่อน ถึงขนาดมีคนพยายามบุกรุกบ้านเพื่อไปจับมอนเตอร์หากในห้องครัวของเพื่อนบ้านกันเลยทีเดียว

Pokemon Go เป็นตัวอย่างของ Internet of Things ที่สมบูรณ์แบบ คือเป็นทั้ง Gaming + Virtual Reality + Social Network + Leisure & Health และอาจจะมีการเชื่อมโยงอื่นๆได้อีกมากในอนาคต หากถึงตอนี้ผู้อ่านยังไม่เห็นภาพ ผมจะขออธิบายโดยสรุปดังนี้

Gaming แน่นอนว่า Pokemon Go เป็นเกมๆหนึ่ง ซึ่งเป็นแนว Monster Trainer ทั่วๆไป ที่เน้นจับมอนเตอร์มาพัฒนาเพื่อสู้กัน ซึ่งเกมแนวนี้มีมากมายหลากค่ายหลายยี่ห้อ แม้ว่า Brand ของ Pokemon จะแข็งแกร่งเป็นที่รู้จักกันในหมู่นักเล่นเกม แต่ก็ไม่ใช่จุดเด่นที่น่าสนใจกล่าวถึงอะไรมากนักของ Pokemon Go

Virtual Reality (VR) นี่จึงเป็นจุดเด่นที่แท้จริงของ Pokemon Go ค่ายเกมโดยทั่วไปมุ้งเน้นพัฒนา VR ที่จะเอาผู้เล่นเข้าไปในโลกเสมือนของเกม แต่ Pokemon Go กลับทำ Reverse VR โดยเอามอนสเตอร์ในเกมออกมาหาผู้เล่นในโลกแห่งความเป็นจริง พวกคุณสามารถพบกับ Pokemon ได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน โรงเรียน ถนน สวนสาธารณะ สถานที่ราชการ ทำให้ผู้เล่นทุกคนรู้สึกมีส่วนร่วมกับเกมมากกว่าจะต้องใส่แว่น VR เข้าไปส่องโลกในเกมมากนัก จุดนี้ทำให้ Pokemon Go เหนือกว่าเกม VR อื่นอย่างเทียบกันไม่ได้ ลองนึกถึงภาพ Trainer สามสี่คนต้องวิ่งแข่งกันไปจับมอนเตอร์ที่สวนสาธารณะสิเรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้บน VR แบบทั่วๆไป

Social Network ในช่วงเวลาแค่สัปดาห์เดียวหลังจากการเปิดตัว Pokemon Go สามารถสร้าง Global Community ของ Trainer ได้ทั่วโลก ทั้งๆที่เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแค่ไม่กี่ประเทศเท่านั้น ผู้เล่น Pokemon Go ก็มีหลายเชื้อชาติ ฐานะ ตั้งแต่ระดับรากหญ้าไปจนถึงประธานาธิบดีบางประเทศ ทำให้ Pokemon Go กลายเป็น Social Network ขนาดใหญ่ App Pokemon Go ขึ้นอันดับหนึ่งด้านรายได้ของ App store ในสหรัฐในเวลาแค่ครึ่งวันนับจากวันเปิดตัว และมีระยะเวลาที่ผู้ใช้ App อยู่กับมันต่อวัน (User Engagement) ยาวนานกว่า Social Network อื่นๆ อย่าง Twitter Linkin Snap Chat เกือบจะแซง facebook อยู่แล้ว จากข้อมูลล่าสุดระบุว่า Smart Phone 6 เครื่องจาก 100 เครื่องในสหรัฐจะต้องมี App Pokemon Go อยู่และตัวเลขนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าปัจจุบัน Network นี้ยังมุ่งเน้นพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันเฉพาะเรื่อง Pokemon แต่แน่นอนว่าในอนาคต ก็คงไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะเรื่อง Pokemon แน่ๆ

Leisure & Health การเล่นเกม Pokemon Go จำเป็นต้องเดินทางไปยังสถานที่ๆมอนเตอร์นั้นอยู่จริงๆ และต้องแข่งขันกับผู้เล่นรายอื่นๆอีกด้วย ทำให้ผู้เล่น Pokemon Go ต้องออกเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆที่อยู่ในโลกความเป็นจริง แทนที่จะนั่งเล่นเกมบนมือถืออยู่เฉยๆ ซึ่งก็เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการออกกำลังกายไปในตัว ในสหรัฐฯถึงกับมีบริการแท๊กซี่พา Trainer ไปจับมอนสเตอร์ตามสถานที่ต่างๆ โดยเหมาค่าบริการเป็นรายชั่วโมง ซึ่ง Pokemon Go นี้ก็โด่งดังถึงขนาดมีข่าวว่ามีชายหนุ่มชาวนิวซีแลนด์ประกาศลาออกจากงาน เพื่อทำตามความฝันเดินทางสะสม Pokemon ให้ครบทุกตัวเลยทีเดียว

สาเหตุที่ผมยกให้ Pokemon Go เป็นการปฏิวัติการใช้ชีวิต เพราะมันเป็นครั้งแรกที่เราสามารถนำสิ่งที่อยู่ในโลกเสมือนมาสู่ชีวิตจริงๆได้ และในอนาคตเกมในลักษณะ Pokemon นี้ยังสามารถประยุกต์ใช้ให้มีขอบข่ายที่กว้างออกไปได้อีก เช่น Nintendo อาจจับมือกับบริษัทผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค ทำโฆษณาแอบแฝง ให้ Trainer ต้องไปซื้อยาสีฟันยี่ห้อ Darling กับแปรงสีฟันยี่ห้อ Oral-C เอามาแปรงฟันให้ปีกาจูเพื่อเพิ่มพลังสายฟ้าผ่านการสแกน QR Code บนมือถือ ถึงตอนนั้นเราอาจได้เห็น Trainer ตัวน้อยวิ่งเข้าร้านสะดวกซื้ออ้อนวอนแม่ช่วยซื้อยาสีฟัน Darling และแปรงสีฟัน Oral-C มา Upgrade ปิกาจูใน Pokemon Go

Nintendo อาจจับมือกับการท่องเที่ยวท้องถิ่นจัดให้มี Pokemon ประจำจังหวัดที่ต้องไปตามจับตามสถานที่และเวลาที่ระบุ Trainer จะต้องเอา Pokemon ประจำจังหวัดเชียงใหม่ มาผสมกับ Pokemon ประจำจังหวัดขอนแก่น เพื่อให้ได้ Pokemon ประจำประเทศไทย แล้วเอาไปรวม Pokemon ประจำประเทศจีน ให้ได้ Pokemon ประจำทวีปเอเชียเพื่อเอาไปแข่งขัน Pokemon Olympic ที่จัดขึ้นทุกปีที่ Tokyo London และ New York ส่วน Nintendo ก็รับค่าโฆษณาหรือรับจัด Package Tour ไปด้วยกันเลย

โอกาสทางธุรกิจต่อยอดของ Pokemon Go ยังมีอยู่อีกมาก ดังจะเห็นได้จากนักลงทุนในตลาดหุ้นโตเกียวให้ราคากับมูลค่าของเกม Pokemon Go เกมเดียวสูงถึง 21,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยตก 750,000 ล้านบาท โดยพิจารณาจากราคาหุ้นของ Nintendo ที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 100% ในเวลาเพียง 7 วันทำการจนถึงวันที่เขียนบทความนี้ เรียกได้ว่าเกมนี้เกมเดียวพลิกชีวิต Nintendo จากที่เคยถูกปรามาสว่าจะไปไม่รอดเพราะไม่สามารถเจาะตลาดเกม Online ได้ กลายมาเป็นผู้นำพลิกโฉมวงการเกมแบบไม่มีใครตามทัน

แน่นอนว่าเกม Pokemon Go นี้คงไม่ใช่เกมสุดท้ายและเกมเดียวที่สามารถเชื่อมโยงโลกเสมือนกับโลกแห่งความเป็นจริงเข้าด้วยกัน ในอนาคตอันใกล้ก็คงมีอีกหลายค่ายเกม หรืออาจเป็น Social Network ยักษ์ใหญ่ ที่จัดทำ Community ในลักษณะเดียวกันมาแข่งขัน ซึ่งก็อาจจะทำให้ Pokemon Go เสื่อมความนิยมลงไปตามวัฎจักรธุรกิจ แต่วันนี้ Pokemon Go ได้พิสูจน์แล้วว่า Internet of Things สามารถเชื่อมโยงทุกอย่างบนโลก (แม้กระทั่งโลกเสมือน) เข้าด้วยกันได้จริง

หากกระทั่งโลกเสมือนยังสามารถเชื่อมโยงเข้าด้วยกันได้ด้วย Internet of Things  การเชื่อมโยงธุรกิจอื่นเข้าด้วยกันจึงเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าและสามารถเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน ผมจึงไม่จำเป็นต้องเขียนเรื่องอื่นๆต่อไปอีก บทความนี้จึงเป็นบทสรุปแบบ All in ของบทความซีรี่ย์ Internet of Things: How it has changed the world ของผมที่ใช้เวลาเขียนมายาวนาน (ด้วยความขี้เกียจ) ได้อย่างสมบูรณ์ ในอนาคต Internet of Things จะสามารถเชื่อมโยงอะไรเข้าด้วยกันได้อีกก็คงต้องฝากให้ผู้อ่านติดตามกันต่อไป

...แล้วโลกจะเปลี่ยนไปตลอดกาล...

Indy Investor Forum
20 กรกฎาคม 2559

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น