วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

คุณค่าของเงินล้าน




เมื่อหลายวันก่อน ผมได้ยินคำถามจากนักลงทุนท่านหนึ่งใน Facebook ว่าตลาดหุ้นขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนได้กำไรแล้วใครขาดทุน มีหลายคนแสดงความเห็นในหลายแง่มุม บ้างก็ว่าเจ้ามือขาดทุน กองทุนขาดทุน เจ้าของขาดทุน และที่เด็ดสุดๆคือคำตอบที่ว่าไม่มีใครขาดทุนทุกคนได้กำไร ไม่เป็นไรครับเพราะหุ้นมันขึ้นต่อเนื่องมาสามเดือนติด คิดอย่างไรคงไม่สำคัญนัก

มาวันนี้ตลาดหุ้นตก 17 จุด แบบตั้งตัวไม่ทัน ผมขอตั้งคำถามกลับว่าวันนี้ใครขาดทุน หลายๆคนมองพอร์ตตัวเองแล้วคงจะรู้สึกว่าเรารวยลดลง หรือถ้าโชคร้ายหน่อยก็ขาดทุน แต่ไม่เป็นเพราะยังไม่ขายถือว่ายังไม่ขาดทุน 555+ (ว่าเข้าไปนั้น)

เช่นนั้นแล้วกำไรและขาดทุนแท้จริงเป็นเช่นไร?

ตลาดหุ้นอยู่ในขาขึ้นคนมีหุ้นได้กำไร คนไม่มีหุ้นขาดทุนเพราะเสียโอกาสได้กำไร

ตลาดหุ้นอยุ่ในขาลงคนไม่มีหุ้นได้กำไรจากโอกาสที่จะซื้อหุ้นได้ที่ราคาที่ถูกลง ส่วนคนที่ถือหุ้นอยู่ขาดทุน

ในระยะยาวแล้วการไม่ลงทุนเลยก็เป็นต้นทุนชีวิตเช่นกัน เพราะค่าของเงินมันไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขเงินที่คุณมี แต่มันอยู่ที่ตัวเลขเงินที่คุณมีเมื่อเทียบกับเงินที่คนอื่นมีต่างหาก

พ่อผมเล่าให้ฟังว่าเมื่อ 60 ปีก่อนก๋วยเตี๋ยวชามละไม่ถึงบาท มีเงิน 10 บาทเที่ยวรอบกรุงเทพได้ ถ้ามีเงินล้านเรียกมหาเศรษฐี มีสิบล้านเรียกอภิมหาเศรษฐี

หกสิบปีผ่านไป ผมรู้สึกว่าคนมีเงินล้านมันช่างธรรมดาเหลือเกิน มีสิบล้านก็แค่พอมีอันจะกินเท่านั้น สมัยนี้เศรษฐีเขาเริ่มคุยกันที่ 100 ล้านบาท

นั่นเพราะว่าระยะเวลา 60 ปีที่ผ่านมา ผู้คนต่างก็ทำมาค้าขาย ประกอบกิจการ อาชีพต่างๆ และสะสมเงินของพวกเขาเรื่อยมา ถ้ามหาเศรษฐีที่กลัวความเสี่ยงในสมัยนั้น เอาเงินไปฝังตุ่ม ก็ต้องบอกว่าพวกเขาจนลงไปมาก เพราะในสมัยนี้เงินล้านของเขาซื้อบ้านอยู่ซักหลังยังแทบไม่ได้

นี่ขนาดเมื่อหกสิบปีก่อนยังไม่มีตลาดหุ้นนะครับ เงิน 1 ล้านบาทยังมีค่าลดลงขนาดนั้น แล้วลองนึกภาพดูว่าปัจจุบันมีเซียนหุ้นบังเกิดขึ้นมากมาย พวกเขารวยขึ้นพร้อมๆกัน 3-4 เท่าในเวลาแค่ 3-4 ปี ถ้าคุณยังหลีกเลี่ยงการลงทุน เอาเงินไปฝากธนาคาร เวลาอีก 20-30 ปีข้างหน้า คุณคิดว่าเงิน 1 ล้านบาทของคุณจะมีค่าแค่ไหนกัน (เชียว)

ถ้าคุณไม่เริ่มลงทุนซะที แม้ว่าคุณจะไม่ขาดทุนในรูปตัวเงิน แต่คุณกำลังขาดทุนในแง่ความมั่งคั่งในอนาคตของคุณอย่างแน่นอน ถ้าคุณลงทุนแม้ว่าจะขาดทุนบ้างในบางปี แต่มันจะทำให้คุณมีโอกาสที่จะรักษามูลค่าของเงินในกระเป๋าของคุณได้บ้าง และความจริงการลงทุนก็ไม่จำเป็นต้องเล่นหุ้นเท่านั้น คุณจะทำธุรกิจอะไรก็ได้ที่หวังว่าจะได้ผลกำไรมากกว่าดอกเบี้ยแล้วกัน คุณถนัดอะไรก็ทำอย่างนั้นแหละ

เริ่มเรียนรู้ที่จะลงทุนกันเถอะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น