วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555

บทเรียนจาก Black Monday


มารำลึกความหลังเหตุการณ์ "Black Monday" วันประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นโลกกันเถอะ ไม่รู้ว่าใครเกิดทันกันบ้าง (ผมเกิดทันแต่คงยังจำอะไรไม่ค่อยได้ 555+)

วันนี้ (19 ต.ค.) เมื่อ 25 ปีก่อน ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงกระหน่ำเป็นประวัติการณ์ วันเดียวดัชนี Dow Jones
 ตกลงไปถึง 23% หุ้นบางตัวแตะระดับ $0.01 ต่อหุ้น (ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้) สาเหตุของเหตุการณ์ก็โทษกันไปต่างๆนาๆ เศรษฐกิจชะลอตัว การเก็บภาษีบุคคลธรรมดาเพิ่มขึ้น รัสเซียจะเบี้ยวหนี้ สงครามนิวเคลียร์ โลกกำลังจะแตก บลาๆๆ

แต่สาเหตุจริงๆผมว่ามันมากจากการที่นักลงทุนในตลาดพยายามจะขายหุ้นทั้งตลาดพร้อมๆ กัน โดยที่แรงซื้อไม่เพียงพอจะรองรับคำสั่งขาย เพราะสมัยนั้น Algorithm Trade เป็นอะไรที่เท่ห์เอามากๆ นักลงทุนสถาบันใน Wall street สมัยนั้นคิดว่าตัวเองมีความได้เปรียบรายย่อยที่สามารถใช้ Computer ที่ราคาแพงๆ (ในสมัยนั้น) จึงใช้เทคโนโลยีทีสูงล้ำในการปล่อยให้ Computer ตัดสินใจซื้อขายแทนคน ซึ่งน่าเศร้าที่ Algorithm ที่ว่าไม่ได้ดีเด่นอะไรไปกว่า Momentum Trading เลย พอตลาดหุ้นเริ่มตกได้ซักพักก็ไป Trigger Stop loss ของ Algorithm บังคับให้ Computer ส่งคำสั่งขาย และก็ทำให้หุ้นตกไป Trigger Stop loss ของอีก Algorithm หนึ่ง (อาจจะเป็นของตัวเองหรือของที่อื่น) ให้ส่งคำสั่ง Cut loss ออกมาอีก เกิดเป็นปฎิกริยาลูกโซ่นี้ไปเรื่อยๆ ทำให้ตลาดหุ้นดิ่งนรกในเวลาแค่ 1 วัน Value investor ที่พยายามทำเท่ห์ไปรับหุ้นในวันนั้นก็บาดเจ็บหนักมาก ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่ได้ศึกษาพื้นฐานของหุ้นมาอย่างดีก่อนการเข้าไปช้อนซื้อหุ้น แต่เป็นเพราะตลาดเองต่างหากที่ไม่ได้ใช้เหตุผลในการขายหุ้น (และก็ชนะ)

หลังจากเหตุการณ์วันนี้ตลาดหุ้นนิวยอร์กประกาศยุติการส่งคำสั่งซื้อขายด้วย Computer โดยที่ไม่ผ่านการคัดกรองของโบรกเกอร์ เพื่อให้คำสั่งที่ส่งผ่านตลาดมีสติสัมปชัญญยะของมนุษย์ในการแยกแยะถูกผิดก่อนที่จะถูกส่งออกไป ป้องการการตกของหุ้นแบบไร้เหตุผลอันสมควรเช่นวันที่ 19 ต.ค. 1987

25 ปีผ่านไป ผู้คนหลงลืมเหตุการณ์เหล่านี้ไปหมดแล้ว ปัจจุบันการส่งคำสั่งด้วย Algorithm ผ่านระบบ Computer กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง โดยเฉพาะ Hedge Fund ที่เรียกตัวเองว่า High frequency trade หรือ Quantitative trade ตลาดหลักทรัพย์เองก็มั่นใจในระบบการจัดการคำสั่งซื้อขายมากขึ้นว่าจะรับมือกับสถานการณ์วิกฤติได้ เพราะมีเครื่องมือทั้ง Circuit break หรือ Reverse Trade สำหรับ Order ที่น่าสงสัย ฯลฯ

เราคงต้องมาดูกันวันเราจะได้เรียนรู้จากอดีตที่ผ่านมาแล้วหรือไม่ หรือจะเดินเข้าสู่ความผิดพลาดซ้ำรอยเดิม